ในตอนเช้าของการเดินทางวันนี้ท้องฟ้าค่อนข้างเปิด ปลอดโปร่งมากกว่าวันที่ผ่านๆมา ถึงแม้จะมีฝนตกลงมาบ้าง แต่ก็เกิดจากเพราะเราอยู่ในพื้นที่ท่ามกลางหุบเขาสูง เลยทำให้มีฝนปรอยๆอยู่เป็นระยะ ถึงอย่างไรก็ตาม ถือว่าวันนี้เป็นสัญญาณที่ดีในการออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ประเทศเวียดนาม
จากเมืองอุดมไชยเราก็มุ่งหน้าไปที่ด่านปางหก เพื่อที่จะข้ามไปยัง ด่านไตจังของประเทศเวียดนาม ในการเข้าไปพักที่เมืองเดียนเบียนฟู ถึงแม้ว่าจะแดด ออกมาทักทายสลับกับฝนตกลงมาแล้วนั่น นอกจากวิวสองข้างทางที่ทำให้ใบตองอึ้ง ก็ได้เจอกับทางที่ขาด ดินสไล หินสไลกันเป็นบางช่วงมาเยือนเวียดนามของใบตอง ในการขับรถมาตั้งแต่ประเทศไทย ผ่านลาว จนกระทั้งข้ามมายังเวียดนาม ถึงแม้จะยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่ซาปา แต่ก็สร้างความตื่นเต้นจากใบตองได้ไม่น้อย
นอกจากจะตะลุยเที่ยวเล่นในเมืองเดียนเบียนฟูในตอนกลางคืนแล้วเนี่ย ก็ควรที่จะไปศึกษา เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของเมืองจากพิพิธภัณฑ์ ในตอนเช้าก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าเข้าเมืองซาปา
หลังจากที่ได้เห็นอดีตของเมืองเดียนเบียนฟูแล้วเนี่ยก็มุ่งหน้าเดินทางต่อไปยังจุดหมายของเราที่เมืองซาปา ซึ่งบรรยากาศบ้านเมืองของเวียดนาม ช่างเต็มไปด้วย เสียงแตร แตรจะดังอยู่ตลอดเวลา ทุกๆทางแยก ทางโค้ง ทางเลี้ยว จะแซง ก็ใช้แตร เรียกได้ว่า แตรคือสิ่งที่สำคัญมากของชาวเวียดนาม จากคำบอกเล่าที่บอกเรามา ว่ากันว่าการจราจรที่เราเจอที่เมืองเดียนเบียนฟูนี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้นเอง ถ้าหากเป็นที่เมืองหลวงอย่างฮานอย ทั้งถนนจะได้ยินแต่เสียงแตร
นอกจากนั้นก็ยังมีวิวของทุ่งนา ที่กว้างไกล สุดลูกหูลูกตา มันคือความเขียวขจีที่อยู่ติดริมถนน ไล่ยาวเป็นพันๆไร่ไปจนถึงติดกับจีนภูเขาที่อยู่ไกลลิบตาตลอดเส้นทางที่เราขับมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อไปเมืองตากอากาศของเวียดนามนั้น สองข้างทางเต็มไปด้วยวิวของทะเลหมอก ภูเขาที่สลับซับซ้อน จนกระทั้งเดินทางมาถึงที่เมืองซาปา เรียกได้ว่า ตลอดเส้นทางกว่า 1200 กิโลเมตร กว่า 6000 โค้ง เราก็ได้มาพบ กับเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเมืองแห่งทะเลภูเขาและทะเลหมอก
พบกับความสวยงามและการเดินทางของใบตองได้ที่ รายการจรีรัตน์ถนัดเที่ยว
วันเสาร์ที่ 1 กันยายน 2561 ทางช่อง 3SD เวลา 14.30 -15.00 น.
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ FB : Baitong with journey