ผู้บริหารฝ่ายการตลาด (CMO) Ctrip เข้าพบผู้ว่าการฯ ททท. หวังช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน

จันทร์ ๒๑ ตุลาคม ๒๐๑๙ ๐๘:๐๐
การท่องเที่ยวในประเทศไทยเตรียมรับแรงหนุนจาก Ctrip

นายซุน ป๋อ CMO ของ Ctrip Group ได้เข้าพบนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อหารือถึงความร่วมมือที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับประสบการณ์ในการมาท่องเที่ยวยังจุดหมายปลายทางโปรดช่วงวันหยุดอย่างประเทศไทยกันมากขึ้น โดยการพบปะครั้งนี้ได้เปิดโอกาสในความร่วมมือด้านต่าง ๆ ตั้งแต่การทำการตลาดการท่องเที่ยว ไปจนถึงการร่วมใช้แนวปฏิบัติในอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ

ด้วยวัฒนธรรมที่มีความโดดเด่น อาหารเลิศรส ทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม และการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองด้วยรอยยิ้มติดระดับโลก ประเทศไทยจึงเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งนักท่องเที่ยวหน้าใหม่และผู้ที่ติดใจจนกลับมาเยือนอีกครั้ง ทั้งนี้ ด้วยการเสนอตัวเป็นพาร์ทเนอร์กับ Ctrip ประเทศไทยจะมีการพัฒนาและมีโปรโมชันที่พิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนฐานะดี

ในปี 2561 ประเทศไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 10.6 ล้านคน ซึ่งถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวขาเข้าที่ใหญ่ที่สุดของไทย สำหรับในปี 2563 ททท.คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนไทยจะทะลุ 11 ล้านคน ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศถึง 5 แสนล้านบาท (ประมาณ 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทั้งนี้ การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมหลักของเศรษฐกิจไทย หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 12% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2561

Ctrip มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคน ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งในฐานะผู้ทำการตลาดในแหล่งท่องเที่ยว ในโอกาสนี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "จีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยเป็นอันดับ 1 และเรามุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยวเพื่อให้สามารถดูแลนักท่องเที่ยวจีนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป เรามีความยินดีที่ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับ Ctrip ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวไทยสามารถเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น และการร่วมมือกับ Ctrip เพื่อแบ่งปันความหลากหลายของประเทศไทยให้กับนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากขึ้นนั้น จะทำให้ไทยยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ"

ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ครองใจนักท่องเที่ยวชาวจีนและทั่วโลกมานานแล้ว ประเทศไทยจึงได้เปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับพรีเมียม เพื่อผลักดันให้กลายเป็นปัจจัยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เติบโตต่อไป ทั้งนี้ ผลการวิเคราะห์ของ Ctrip ระบุว่า ประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวขาออกจากจีนในช่วงวันชาติจีนที่ผ่านมา และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 2 ของนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินทางเอง (FIT) ในโอกาสนี้ นายซุน ป๋อ CMO ของ Ctrip กล่าวว่า บริษัทตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) รายนี้ พร้อมดึงดูดลูกค้าระดับพรีเมียมเข้ามาในไทยมากขึ้น พร้อมทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมในท้องถิ่น เพื่อพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวที่มุ่งสร้างประสบการณ์น่าประทับใจให้กับทุกคน

"ความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ อบอุ่น และมีคุณค่า ได้รับการยอมรับและชื่นชมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก" นายซุน ป๋อ CMO ของ Ctrip กล่าว "ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นจุดโฟกัสหลักของเราในการเดินหน้าขั้นต่อไป และเราตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับประเทศไทยเพื่อส่งมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบไทย ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยม พร้อมพัฒนาตลาดเพื่อกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกีฬาและการผจญภัย กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาแต่งงานหรือฮันนีมูน นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการดูแลสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ ที่กำลังมองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แปลกใหม่และคุ้มค่า"

Ctrip มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อมาตลอดว่า การทำธุรกิจของบริษัทควรต้องสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อมวลมนุษยชาติและโลกใบนี้ และด้วยโครงการริเริ่มตามหลักความยั่งยืนหลายโครงการของบริษัท Ctrip หวังที่จะร่วมงานกับอุตสาหกรรมในท้องถิ่นของไทย เพื่อพัฒนาประสบการณ์ท่องเที่ยวด้วยระบบ Global SOS พร้อมสร้างหลักประกันว่าการท่องเที่ยวจะเป็นไปตามหลักความยั่งยืน เพื่อให้สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่มีความโดดเด่นในประเทศไทยยังคงอยู่เพื่อลูกหลานในอนาคตข้างหน้า

เกี่ยวกับ Ctrip.com International, Ltd.

Ctrip.com International, Ltd. เป็นผู้ให้บริการการท่องเที่ยวชั้นนำทั้งบริการจองที่พัก การจองยานพาหนะ แพคเกจทัวร์ท่องเที่ยว และการจัดการการท่องเที่ยวระดับองค์กรในจีน Ctrip เป็นแหล่งรวมที่พักและตั๋วยานพาหนะออนไลน์รายใหญ่อันดับหนึ่งของจีนเมื่อวัดจากปริมาณการทำธุรกรรม ทั้งนี้ Ctrip เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวธุรกิจและนักท่องเที่ยวทั่วไปทำการจองได้โดยมีข้อมูลรองรับและคุ้มค่า ผ่านการรวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวที่มีความครอบคลุม และมอบบริการของบริษัทผ่านแพลตฟอร์มบริการและการทำธุรกรรมที่มีความก้าวล้ำ ซึ่งประกอบด้วยแอปพลิเคชันมือถือ เว็บไซต์อินเทอร์เน็ต และศูนย์บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ Ctrip ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถจองไกด์ทัวร์และแพคเกจการท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก ขณะเดียวกัน บริการการจัดการการท่องเที่ยวระดับองค์กรของ Ctrip ยังช่วยให้ลูกค้ากลุ่มบริษัทสามารถจัดการการท่องเที่ยวได้ตามใจ ทั้งนี้ Ctrip ก่อตั้งขึ้นในปี 2542 และได้เติบโตอย่างมั่นคงและก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในแบรนด์การท่องเที่ยวชื่อดังของจีน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ :

International PR

Ctrip.com International, ltd.

โทร: (+86) 21 3406 4880 ต่อ 196455

อีเมล: [email protected]

รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191018/2614368-1

โลโก้ - https://photos.prnasia.com/prnh/20190816/2553185-1LOGO

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕:๓๕ อัปเดตล่าสุด กฎหมายแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ต้องรู้ 2567
๑๕:๑๐ อมาโด้ (amado) ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดคอลลาเจน คว้า 2 รางวัล จากเวทีธุรกิจ 2024 Thailand's Most Admired Brand (ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4) และรางวัล Brand Maker Award
๑๕:๒๒ ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี เติมฝันเด็กไฟ-ฟ้า ผ่านโชว์ Cover Dance คว้า 2 รางวัล จุดประกายศักยภาพและสร้างแรงบันดาลใจมุ่งมั่นสู่เป้าหมายที่สำคัญ
๑๕:๑๒ วว. / สสว. นำ วทน. พัฒนาขีดความสามารถการแข่งขัน SMEs จัดอบรมพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ด้วยบรรจุภัณฑ์ ฟรี
๑๓:๕๐ เถ้าแก่น้อย ครองใจผู้บริโภคคว้า 'แบรนด์ที่ผู้บริโภคชื่นชอบที่สุด' จากผลสำรวจ Thailand's Most Admired Brand
๑๓:๓๘ Bose-Backed สมาร์ทวอทช์แบรนด์ Noise เปิดตัวในไทยบน Shopee และ Lazada
๑๒:๑๗ TIDLOR ปลื้ม! หุ้นกู้ 3 ชุดใหม่ มูลค่า 4,000 ลบ. ขายหมดเกลี้ยง ขอบคุณนักลงทุนที่ร่วมสร้างผลตอบแทน พร้อมกับสร้างการเติบโตให้ธุรกิจไปด้วยกัน
๑๒:๔๗ แอล.พี.เอ็น. เปิดโมเดลซัพพอร์ทคนอยากมีบ้าน เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ที่อยู่อาศัย ไม่เกิน 3 ล้าน ผุดแคมเปญ 'LPN ดูแลให้' และ 'LPN
๑๒:๓๗ สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า 'Redmi Note 13 Series' ให้คุณกดบัตรคอนเสิร์ต '2023-2024 BamBam THE 1ST WORLD TOUR ENCORE [AREA 52] in BANGKOK Presented by Xiaomi' รอบ
๑๒:๐๘ กรมโยธาฯ ใช้มาตรการเด็ดขาด ยกเลิกสัญญาจ้างงานที่ล่าช้าสร้างความเดือดร้อนประชาชน