พาณิชย์’ ผลักดันผ้าไหมไทย...ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ลงพื้นที่เมืองรอง...เชื่อมโยงการท่องเที่ยวเข้ากับวิถีชุมชนและวัฒนธรรมเส้นไหม พร้อมเปลี่ยนทัศนคติ...ไหมไทย...ใครใครก็ใช้ได้ มั่นใจ...ความสวยงาม ทนทาน...ครองใจผู้ใช้ทุกกลุ่ม

อังคาร ๐๕ พฤศจิกายน ๒๐๑๙ ๐๙:๔๓
กระทรวงพาณิชย์ เชื่อมั่นในศักยภาพผ้าไหมไทย ผลักดันให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงเมืองรอง กับการท่องเที่ยววิถีชุมชนและวัฒนธรรมเส้นไหม ...นำสื่อมวลชนและบล็อกเกอร์ลงพื้นที่ชมความสวยงามของผ้าไหม แต่ละพื้นถิ่น ...ก่อนเผยแพร่สู่สาธารณชน กระตุ้นการรับรู้...สร้างความภาคภูมิใจแก่ผู้สวมใส่ พร้อมเปลี่ยนทัศนคติ...ไหมไทย...สัญลักษณ์ไทย...ใครใครก็ใช้ได้ มั่นใจ...ความสวยงาม ทนทาน ครองใจผู้ใช้ได้ทุกกลุ่ม ย้ำ!! ผ้าไหมไทย..ได้สัมผัส/ใช้งานแล้วจะหลงรัก

นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินกิจกรรมสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเมืองรอง ภายใต้โครงการยกระดับการตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าไหมสู่แหล่งท่องเที่ยว โดยเน้นการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย ทั้งในส่วนของแนวทางการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาด และการเชื่อมโยงต่อยอดสู่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ กระตุ้นให้เกิดการบริโภคและซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าไหม สินค้า และบริการในเมืองรองมากขึ้น ภายใต้แคมเปญ "เส้นทางสายไหมสู่เมืองรอง" เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศมีความเข้มแข็ง มั่นคง โดยใช้ผ้าไหมเป็นสื่อกลาง ในการเชื่อมต่อและสร้างการจดจำ"

"สาระสำคัญ คือ การยกระดับผู้ประกอบการผ้าไหมของไทยให้มีความเข้มแข็ง สามารถแข่งขันได้ในเชิงธุรกิจ เชื่อมโยงเครือข่ายและการตลาดขนานไปตามเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง เกิดการเรียนรู้ประสบการณ์ ด้านการผลิต เทคนิคเฉพาะ และอัตลักษณ์ผ้าไหมของแต่ละชุมชน โดยหัวใจหลักของการลงพื้นที่ในครั้งนี้ คือ การเผยแพร่ความสวยงาม และวัฒนธรรมการทอผ้าไหมที่ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งกว่าจะได้ผ้าไหมผืนงามหนึ่งผืนต้องใช้ความพิถีพิถัน ศิลปะ ผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ทำให้เส้นไหมธรรมดากลายเป็นผ้าไหมผืนงาม ที่มีลวดลายอันวิจิตรบรรจง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น สามารถสื่อถึงวัฒนธรรมพื้นถิ่นได้เป็นอย่างดี รวมทั้ง เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของไทยให้เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ"

รองอธิบดีฯ กล่าวต่อว่า "กรมฯ ได้กำหนดการดำเนินงานประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเมืองรอง 3 ภูมิภาค 6 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางที่ 1 : นครราชสีมา (อ.ปักธงชัย) บุรีรัมย์ สุรินทร์ เส้นทางที่ 2 : สกลนคร กาฬสินธุ์ เส้นทางที่ 3 : อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย เส้นทางที่ 4 : พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี เส้นทางที่ 5: สุพรรณบุรี ชัยนาท และ เส้นทางที่ 6 : น่าน อุตรดิตถ์ แพร่ ซึ่งทุกจังหวัดเมืองรองที่เป็นเส้นทางของการลงพื้นที่ล้วนแล้วแต่มีผ้าไหมเฉพาะถิ่นที่มีความสวยงาม ตลอดจนมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ กรมฯ ได้เชิญสื่อมวลชนหลากหลายแขนง และบล็อกเกอร์ด้านการท่องเที่ยว/ไลฟ์สไตล์ ที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมเดินทางด้วย เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้แก่สาธารณชนในวงกว้าง รวมทั้ง ปรับเปลี่ยนทัศนคติของคนรุ่นใหม่ให้หันมาตระหนักและใช้สอยผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมมากขึ้น อันจะนำมาซึ่งการตัดสินใจซื้อและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของไทยในชีวิตประจำวัน รวมทั้ง เป็นของฝากของกำนัลที่จะสร้างความประทับใจแก่ผู้ที่ได้รับ"

"เส้นทางการเดินทางแรก คือ จ.นครราชสีมา (อ.ปักธงชัย) บุรีรัมย์ สุรินทร์ เดินทางระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2562 โดยที่ จ. นครราชสีมา อ.ปักธงชัย เดินทางไปที่กลุ่มหัตถกรรมบ้านดู่ ซึ่งมีผ้าไหมหางกระรอกที่สวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น และกำลังจะได้รับการรับรองให้ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI"

"จ.บุรีรัมย์ นอกจากจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งแล้ว บุรีรัมย์ยังมีผ้าไหมท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อหลายแห่ง เช่น ผ้าภูอัคนี (ผ้าย้อมดินภูเขาไฟ) อ.เฉลิมพระกียรติ ผ้าไหมมัดหมี่ทอมือ กลุ่มผ้าไหมโนนกลาง อ.ดอนมนต์ ผ้าไหมมัดหมี่ลายลูกแก้ว กลุ่มทอผ้าไหมบ้านโคกเมือง อ.ประโคนชัย ผ้าไหมมัดหมี่ กลุ่มทอแปรรูปผ้าไหม - ผ้าฝ้าย อ.พุทไธสง ผ้าไหมมัดหมี่ กลุ่มทอผ้าไหมบ้านหนองโก อ.นาโพธิ์ ผ้าซิ่นตีนแดง ณัฏฐาผ้าไหม อ.นาโพธิ์ ผ้าไหมมัดหมี่ กลุ่มทอผ้าไหมบ้านดอนกอก อ.นาโพธิ์ ฯลฯ เป็นต้น"

"จ. สุรินทร์ เมื่อเดินทางไปเยี่ยมชมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจังหวัดสุรินทร์ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสุรินทร์แล้ว ยังมีผ้าไหมพื้นเมืองที่มีความสวยงาม และมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวให้เลือกชมเลือกซื้ออีกด้วย เช่น อ.ลำดวน ประกอบด้วย ดาวไหมไทย (ผ้าไหมมัดหมี่) กลุ่มทอผ้าไหมบ้านระไซร์ ผ้ามัดหมี่ กลุ่มสตรีทอผ้าบ้านยางจรม ผ้าไหมทอมือสีธรรมชาติ กลุ่มทอผ้าไหมและผลิตภัณฑ์เป่าแก้วบ้านหนองยาง ผ้าไหมมัดหมี่สีธรรมชาติ กลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านสวาย นอกจากนี้ ยังมี ผ้าไหมบ้านอากลัว กลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านอากลัว อ.เขวาสินรินทร์ ผ้าไหมมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ ศูนย์เรียนรู้สวยสมใจผ้าไหมอาบโคลนดอกบัว อ.ศีขรภูมิ ฯลฯ เป็นต้น"

"ผ้าไหมไทย ได้รับการขนานนามว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศที่มีความสวยงาม มีความอ่อนนุ่ม เส้นไหมมีความเลื่อมเงางามโดยธรรมชาติ ใส่แล้วภูมิฐาน นอกจากนี้ คุณสมบัติพิเศษของผ้าไหม เมื่ออากาศร้อน...ผ้าไหมจะช่วยคลายร้อน และเมื่ออากาศหนาว...ผ้าไหมบางๆ กลับช่วยให้อุ่นสบาย ซึ่งจากคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นของผ้าไหมไทย นำมาซึ่งความภาคภูมิใจเมื่อสวมใส่หรือใช้งาน ทำให้เกิดการเรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่นผ่านลวดลายอันวิจิตรบรรจงบนผืนผ้าไหมที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ที่ควรได้รับการส่งเสริมและเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จัก เพื่อดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าของประเทศไทย"

"ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พบว่า ประเทศที่ผลิตเส้นไหมมากที่สุดในโลก ได้แก่ อันดับ 1 จีน อันดับ 2 อินเดีย อันดับ 3 อุสเบกีสถาน อันดับ 4 ไทย อันดับ 5 บราซิล ซึ่งปัจจุบันสาธารณรัฐประชาชนจีนมีนโยบายเข้าสู่ประเทศอุตสาหกรรม โดยลดบทบาทภาคการเกษตรลง รวมทั้งสินค้าด้านหม่อนไหม ซึ่งสามารถเป็นดัชนีบ่งชี้ปริมาณการผลิตเส้นไหมที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ของตลาดโลก ดังนั้น หากประเทศไทยมีการส่งเสริมและพัฒนาด้านหม่อนไหมอย่างเต็มที่ ลดต้นทุนการผลิต การสร้างคุณลักษณะพิเศษที่ทำให้เกิดความแตกต่าง และคงอัตลักษณ์ในการเป็นไหมไทยโดยแท้ที่เป็นเส้นไหมที่สาวด้วยมือ ก็จะทำให้ไหมไทยสามารถเจาะตลาดต่างประเทศได้ไม่ยากโดยเฉพาะตลาดอาเซียน" รองอธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4