ผลสำรวจชี้คนไทยมั่นใจประเทศไทย พร้อมเปิดรับการท่องเที่ยวกว่าชาติใดในโลก

พุธ ๒๖ สิงหาคม ๒๐๒๐ ๑๐:๔๗
ขณะที่ประเทศไทยทยอยเปิดพรมแดนเพื่อการเดินทางระหว่างประเทศ 3 บริษัทชั้นนำระดับโลก ซึ่งประกอบด้วย Blackbox Research ผู้ให้บริการด้านการวิจัยทางสังคม Dynata ผู้ให้บริการด้านข้อมูล และ Language Connect พันธมิตรด้านภาษา ได้ร่วมทำการสำรวจเพื่อนำเสนอรายงานในหัวข้อ Unravel Travel: Fear & Possibilities in a Post Coronavirus (COVID-19) World ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ความคิดเห็น ความพึงพอใจ และความคาดหวังของกลุ่มตัวอย่าง 10,195 คน จาก 17 ประเทศเกี่ยวกับการเดินทางหลังสถานการณ์โควิด-19

ผลจากการสำรวจชี้ให้เห็นว่าคนไทย 4 ใน 5 (82%) เชื่อมั่นว่าประเทศไทยพร้อมเปิดรับกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนและท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยความมั่นใจของคนไทยมีคะแนนสูงสุดเมื่อเทียบจากทุกประเทศที่ร่วมการสำรวจ

ผลการศึกษายังระบุว่านักท่องเที่ยวจากฮ่องกง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และอินเดีย ต่างยกให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางแรก เมื่อประเทศของตนเปิดพรมแดนอีกครั้ง

เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 11% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ทั้งนี้ ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่ (93%) ตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ คนไทย 22% เห็นด้วยว่าหน่วยงานการท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ รวมถึงในประเทศไทย มีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน โดยการเห็นด้วยของคนไทยมีคะแนนสูงสุดเมื่อเทียบจากทุกประเทศที่ร่วมการสำรวจ

นาย Saurabh Sardana ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) ของ Blackbox Research กล่าวว่าความตื่นตัวแต่ละภาคของประเทศและทัศนคติของคนไทยที่มีต่อการเปิดการท่องเที่ยวในประเทศอีกครั้งนับเป็นปัจจัยบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประเทศไทยทยอยเปิดประเทศ โดยเริ่มจากการเปิดรับการเดินทางสำหรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการทางการแพทย์ นาย Sardana ตั้งข้อสังเกตว่าการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวด้วยมาตรการด้านสาธารณสุขและความปลอดภัยเป็นกุญแจสำคัญ และประเทศไทยต้องใช้ประโยชน์จากความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

“จากผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการท่องเที่ยวมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจไทยเป็นมูลค่ามหาศาล ขณะที่ประเทศไทยเปิดพรมแดนเพื่อต้อนรับชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการเป็นลำดับแรกคือการเรียกคืนความมั่นใจของนักท่องเที่ยวผ่านการเน้นย้ำให้เห็นว่าประเทศไทยมีมาตรการด้านสาธารณสุขและความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อช่วยให้ทุกคนปลอดภัย

“ภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องทำงานร่วมกันและพร้อมปฏิบัติตามมาตรการเหล่านี้อย่างเต็มที่ ทั้งยังต้องสื่อสารและประชาสัมพันธ์ถึงการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว อย่างมีประสิทธิภาพผ่านช่องทางที่เหมาะสม เนื่องจากการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะประสบความสำเร็จได้ด้วยการมีมาตรการทางสาธารณสุขที่เข้มงวดและการสื่อสารกับสาธารณชนในวงกว้างอย่างสม่ำเสมอ

“การที่ประเทศไทยมีอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าในระดับต่ำ และมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งในการรับมือกับโรคระบาด ประเทศไทยจึงได้รับการได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคและระดับโลกให้เป็นจุดหมายปลายทางที่วางใจได้”

สำหรับกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยมีแรงดึงดูดใจคนในประเทศมากที่สุด โดย 91% ของคนไทยพร้อมส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งนับเป็นสัญญาณเชิงบวก เนื่องจาก ประเทศไทยลงทุนด้วยงบประมาณกว่า 2.24 หมื่นล้านบาท (720 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งบางส่วนเป็นการสนับสนุนทางการเงินแก่นักท่องเที่ยวในประเทศที่ใช้บริการโรงแรมและร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ

นาย Sardana กล่าวว่า ขณะที่ความช่วยเหลือทางการเงินมีบทบาทอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวภายในประเทศ รัฐบาลยังต้องคำนึงถึงลำดับความสำคัญของปัจจัยในการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

“ผลสำรวจในภาพรวมพบว่า หากมีการเดินทางท่องเที่ยวครั้งต่อไป ราคาอาจไม่ใช่ปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก โดยปัจจัยที่มีความสำคัญรองลงมาได้แก่ พาหนะที่ใช้ในการเดินทาง (18%) ที่พัก (15%) และแหล่งท่องเที่ยว (10%) แต่สำหรับนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ มาตรการความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวกลับเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก (พาหนะที่ใช้ในการเดินทาง – 43% ที่พัก – 46% แหล่งท่องเที่ยว – 53%)”

“เพื่อสนับสนุนให้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศประสบผลสำเร็จ ทั้งรัฐบาลและผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องทำงานร่วมกันเพื่อรับรองว่ามีการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ความปลอดภัยและความสะอาดอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเริ่มเกิดกระแสความต้องการท่องเที่ยวภายในประเทศ ดังนั้นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในประเทศ จะเป็นการกระบอกเสียงในการสื่อสารถึงความไว้วางใจไปยังนักท่องเที่ยวต่างชาติในวงกว้างได้อีกด้วย”

นาย Sardana กล่าวสรุปว่า “การสำรวจครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เปลี่ยนมุมมองด้านการท่องเที่ยวอย่างสิ้นเชิง ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องเปลี่ยนแปลงการทำงานในทุกมิติ และในทุกจุดบริการของนักท่องเที่ยว โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยและสร้างความไว้วางใจขึ้นมาใหม่”

ประเด็นสำคัญอื่น ๆ ได้แก่:

ในช่วงเวลานี้ คนอยากท่องเที่ยวน้อยลง

ในภาพรวม คนส่วนใหญ่ไม่มีการวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศในเร็วๆ นี้ โดย 44% ของผู้ตอบแบบสำรวจหลีกเลี่ยงการไปเที่ยวต่างประเทศชาวญี่ปุ่น (32%) ชาวฟิลิปปินส์ (42%) ชาวนิวซีแลนด์ (43%) และชาวออสเตรเลีย (52%) เป็นชนชาติที่อยากไปท่องเที่ยวระยะไกลน้อยที่สุดออสเตรเลียและญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักในฐานะจุดหมายปลายทางที่เป็นที่นิยมที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย ในขณะที่สเปนเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวยุโรป เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ของสเปนมีแนวโน้มลดลงในเดือนมิถุนายนประเทศที่แหล่งท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมากที่สุดระหว่างการระบาด ได้แก่ จีน อิตาลี และสหรัฐอเมริกา

การท่องเที่ยวที่เน้นความปลอดภัย และประสบการณ์ไร้สัมผัส

80% ของผู้ตอบแบบสำรวจรวมจากทุกประเทศ เต็มใจที่จะจ่ายเพิ่มเพื่อที่พักที่ปลอดภัยขึ้น และ 74% ยอมจ่ายเบี้ยสำหรับประกันภัยการเดินทางสูงขึ้นเพื่อความคุ้มครองโรคระบาด76% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า จุดหมายปลายทางที่ต้องการจะไปเยือนคือประเทศที่ให้ความใส่ใจในการมอบประสบการณ์ไร้สัมผัสผู้ตอบแบบสำรวจ 66% ต้องการเดินทางโดยยานพาหนะของตนเองเมื่อขับรถเที่ยวระหว่างเมืองหรือประเทศ เมื่อเทียบกับเดินทางโดยเครื่องบิน (18%) รถยนต์หรือแท็กซี่เช่าหรือจ้างเหมา (9%) และรถประจำทางหรือรถไฟ (7%)

การท่องเที่ยวในวิถีชีวิตใหม่

สำหรับรูปแบบการท่องเที่ยวในอนาคต จากการสำรวจพบว่า บัตรผ่านขึ้นเครื่องแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-boarding Pass, 44%) ห้องน้ำไร้สัมผัส (43%) การเดินทางไร้สัมผัสจากสนามบินถึงโรงแรม (40%) การไม่มีที่นั่งตรงกลางในการคมนาคม (36%) และหนังสือเดินทางสุขภาพ (Digital Health Passport, 35%) นับเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดใหม่ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกคาดหวังว่าจะมีการนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้นี้

เกี่ยวกับการสำรวจ

Blackbox Research และ Dynata ได้ทำการสำรวจแบบออนไลน์ โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ 10,195 คน จาก 17 ประเทศ อายุระหว่าง 25 ถึง 65 ปี นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งประเภทในทุกตัวแปรประชากรศาสตร์และภูมิศาสตร์หลักเพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่าง การสำรวจนี้มีขึ้นในเดือนมิถุนายน 2563

เกี่ยวกับ Blackbox Research

Blackbox Research เป็นบริษัทวิจัยที่ “เชื่อถือได้” ที่ให้บริการลูกค้าภายในประเทศ ภูมิภาค และทั่วโลก โดยได้รับการยอมรับจากความสามารถในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นปัจจุบันที่มีผลต่อชุมชนทั่วโลก บริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านคอนเทนต์ประเภทข้อมูล ซึ่งให้บริการด้านการวิจัยและบริการ Affiliated data+ Communications สำหรับ องค์กรเอกชน รัฐบาล และองค์การนอกภาครัฐ (NGO) ในหลากหลายประเทศทั่วโลก บริษัททำการวิจัยด้วย Cross-disciplinary Methods เครื่องมือดิจิทัล เทคนิคและแอปพลิเคชันเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.blackbox.com.sg

เกี่ยวกับ Dynata

Dynata คือหนึ่งในผู้ให้บริการชั้นนำของโลกที่ให้บริการข้อมูลโดยตรงจากผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจประเภทต่างๆ ด้วยความสามารถในการเข้าถึงประชากรกว่า 60 ล้านคนทั่วโลกและคลังข้อมูลประวัติของบุคคลต่างๆ ที่เก็บรวบรวมจากแบบสำรวจ Dynata จึงได้รับการยอมรับในฐานะของผู้ให้บริการด้านข้อมูลที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ มีความถูกต้องแม่นยำและเชื่อถือได้ ด้วยข้อมูลโดยตรงจากผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจ ทำให้ Dynata สามารถสร้างสรรค์บริการและโซลูชันด้านข้อมูลเชิงนวัตกรรมที่สะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dynata.com

เกี่ยวกับ Language Connect

Language Connect ให้บริการด้านการแปลมืออาชีพแก่ธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลก มายาวนานกว่า 17 ปี และเป็นส่วนหนึ่งของ The Hut Group ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีและการค้าปลีกรายใหญ่ในปี 2561 Language Connect ทำงานร่วมกับองค์กรธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่ธุรกิจด้านกฎหมาย การดูแลสุขภาพ ค้าปลีก พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) และการวิจัยตลาด เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจพร้อมก้าวสู่การเป็นองค์กรในระดับนานาชาติด้วยบริการด้านการแปลมืออาชีพ

การที่ Language Connect มีความพร้อมทั้งในด้านบุคลากร ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาจากทั่วโลกที่มีทักษะในภาคธุรกิจแต่ละประเภท และการลงทุนด้านเทคโนโลยี ทำให้ Language Connect สามารถส่งมอบบริการด้วยทักษะพิเศษเฉพาะด้านเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถประเมินโอกาสในการขยายธุรกิจและเติบโตในตลาดโลก ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.languageconnect.net

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๐๑ ALLY ผนึก Mural ลงทุนซื้อหุ้นสมาคมมวยปล้ำสเปน หวังผลักดันมวยปล้ำสเปนขึ้นแท่นลีกหลักในยุโรปและลาตินอเมริกา
๑๖:๓๙ โอกาสจองซื้อหุ้นกู้บริษัทชั้นนำ ช.การช่าง เสนอขายช่วงวันที่ 25 - 29 เมษายน 2567 ชูผลตอบแทน 3.40 - 4.10% ต่อปี อันดับความน่าเชื่อถือ A- ติดต่อผ่าน ธ.กรุงเทพ และ ธ.กรุงไทย
๑๖:๕๔ บางจากฯ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาเยาวชนในทักษะแห่งอนาคต ผ่านโครงการ SI Sphere: Sustainable Intelligence-based Society Sphere โดย UN Global Compact Network
๑๕:๑๓ เปิดไลน์อัพ 10 ศิลปินหน้าใหม่มาแรงแห่งปีจาก Spotify RADAR Thailand 2024
๑๕:๐๘ อาร์เอส กรุ๊ป เดินหน้ากลยุทธ์ Star Commerce ยกทัพศิลปิน-ดารา เป็นเจ้าของแบรนด์ และดันยอดขายด้วย Affiliate Marketing ประเดิมส่งศิลปินตัวแม่ ใบเตย อาร์สยาม
๑๕:๒๐ กสิกรไทยผนึกกำลังเจพีมอร์แกน เปิดตัวโปรเจกต์คารินา ดึงศักยภาพบล็อกเชน ลดระยะเวลาธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ
๑๕:๐๖ สเก็ตเชอร์ส จัดกิจกรรม SKECHERS PICKLEBALL WORKSHOP ส่งเสริมสุขภาพและขยายคอมมูนิตี้กีฬา Pickleball ในไทย
๑๕:๕๖ SHIELD จับมือแอสเซนด์ มันนี่ และ Money20/20 Asia จัดกิจกรรมระดมเงินบริจาคแก่มูลนิธิรามาธิบดี
๑๕:๔๓ 'ASW' เตรียมโอนกรรมสิทธิ์ 4 คอนโดฯ ใหม่ ไตรมาส 2 ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และภูเก็ตมูลค่ารวมกว่า 6,600 ล้านบาท
๑๕:๔๑ โก โฮลเซลล์ สนับสนุนเกษตรกรไทย ปูพรมจำหน่ายผลไม้ฤดูกาล สดจากสวนส่งตรงถึงมือคุณ