นายเชาวรัตน์ เชาวน์ชวานิล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารทรัพย์สิน บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย กล่าวว่า “จากภาวะวิกฤติการเงินโลก มีผลให้นักลงทุนต้องบริหารความเสี่ยง และทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์นับเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ทางการลงทุน ซี่งทรัพย์สินของบสท. เจาะกลุ่มผู้มีเงินออมและมีเงินสดในมือ ปกติที่ดินจะเติบโตตามระยะเวลาและปรับตัวตามอัตราเงินเฟ้อ โดย บสท. มีทรัพย์สินรอการขาย ในรูปแบบของที่ดิน ที่อยู่อาศัย โรงงาน โกดังสินค้า และเกษตรกรรม มูลค่าประมาณ 78,000 ล้านบาท และจะตามมาอีก 4,000 ล้านบาท คิดเป็นที่ดินเพื่อการเกษตร 200 รายการ มีขนาดตั้งแต่ 10 ไร่จนถึง 1,000 ไร่ แปลงใหญ่ที่สุดในละแวกเดียวกันกว่า 9,000 ไร่ ออกขายในราคาเริ่มต้นเพียงไร่ละ 10,000 บาท ขณะนี้มีลูกค้าที่สนใจติดต่อเข้ามาประมาณ 200 ราย ส่วนมากเป็นกลุ่มทำธุรกิจ บริษัทเอกชนที่มีเงินออม โดยปีนี้ บสท. ตั้งเป้าการขายไว้ที่ 10,300 ล้านบาท ขณะนี้ทำไปได้ 8,000 ล้านบาท คาดจะปิดยอดให้ได้หรือใกล้เคียง”
ขณะที่ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต หนึ่งในวิทยากรผู้ร่วมเสวนา กล่าวถึงภาพรวมภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยว่า “ประเทศไทยจัดว่ามีความแข็งแรงและมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ ถ้าเทียบกับประเทศในกลุ่มเอเชียด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยด้านการเมืองอาจเป็นตัวแปรที่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจของไทยชะลอ แต่โดยภาพรวมถือว่ายังคงเดินหน้าได้ ในขณะที่มีความกังวลว่าภาวะวิกฤติการเงินโลกจะส่งผลกระทบต่อเรานั้น อย่างที่กล่าวว่าไม่มีผลกระทบหนัก เพราะก่อนหน้านี้ไทยได้มีการวางรากฐานในการจัดการที่ดี แม้ว่าขณะนี้ราคาพืชผลทางการเกษตรจะตกต่ำ แต่สินค้าเกษตรที่มีความเกี่ยวข้องกับอาหารยังเป็นที่ต้องการอยู่ ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเป็นระยะ ดังนั้น การลงทุนในแง่ของเศรษฐกิจมหภาคยังมีปัจจัยเสี่ยงไม่มาก ในภาวะที่การลงทุนในตลาดเงินและตลาดทุนมีความผันผวนรุนแรง รวมไปถึงราคาทองคำที่ต่ำลงมาก รวมทั้งการฝากเงินที่ได้ผลตอบแทนช้าและน้อย ดังนั้น ดารลงทุนที่ดินเพื่อการเกษตรจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ”
ต่อข้อถามว่าการลงทุนธุรกิจทางการเกษตรมีความน่าสนใจอย่างไร นายธวัช นกขุนทอง ผู้จัดการส่วนส่งเสริมและจัดหา บริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด ตัวแทนธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์เครือซิเมนต์ไทย เผยว่า “การลงทุนทางการเกษตรยังมีศักยภาพในเชิงของธุรกิจ คือ เช่นการปลูกไม้ยูคาลิปตัส เพื่อป้อนวัตถุดิบเข้าสู่อุตสาหกรรมกระดาษ ซึ่งปัจจุบันพบว่าสามารถทำกำไรให้เกษตรกรได้สูงถึงไร่ละ 10,000 บาท ต่อการปลูก 4 ปี ซึ่งเมื่อลงทุนปลูกครบ 3 รอบ แล้ว สามารถคืนทุนจากการซื้อที่ดินได้ ดังนั้น ที่ดินจึงเป็นปัจจัยอีกทั้งเป็นโอกาสที่มีผลต่อการประกอบธุรกิจ และนอกจากที่ดินจะเป็นการเริ่มการลงทุนที่ดีแล้ว หากยังเป็นตัวกระตุ้นในส่วนของผลประกอบการอีกด้วย การทำธุรกิจจากวัตถุดิบการเกษตรจึงไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ถ้าได้รับการจัดการและบริหารอย่างดี”
ตัวอย่างที่ดินเปล่าในทำเลที่น่าสนใจของ บสท. อาทิ บริเวณถนนสายหนองปรือ-เลาขวัญ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี เนื้อที่ประมาณ 130 ไร่ ซึ่งที่ราบลุ่มเชิงเขา ติดถนน 3 ด้าน ราคาไร่ละประมาณ 16,000 บาท หรือที่ดินบริเวณถนนสายเซกา-อากาศอำนวย ตำบลเซกา อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ ราคาไร่ละประมาณ 19,000 บาท พื้นที่ติดลำห้วยอ้ายยี่ ซึ่งเป็นทำเลที่นักลงทุนรายใหญ่สนใจเข้ามาจับจอง เนื่องจากเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญของประเทศ เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ซื้อที่ดินจาก บสท. จะได้รับยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้สนใจลงทุนที่ดินเพื่อการเกษตรกับ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) สามารถติดต่อรับข้อมูลที่ โทร. 0-2265-5100 หรือ www.tamc.or.th ทุกความต้องการ หาได้ที่ บสท. ครบ คุ้ม...ทุกทำเล