นายปิยะ ประยงค์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์ของพฤกษา จากจุดเริ่มต้นที่พัฒนาทาวน์เฮาส์โครงการแรก คือ "โครงการบ้านพฤกษา 1" ในปี 2536 ตลอดระยะเวลากว่า 22 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้พัฒนากระบวนการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ทั้งการก่อสร้างด้วยโครงสร้างผนังรับน้ำหนักแบบหล่อในที่ (Load Bearing Wall Structure) พัฒนามาเป็นแผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป (Pruksa Precast) คิดสร้างสรรค์นวัตกรรมการก่อสร้างบ้านคุณภาพระบบอุตสาหกรรม (Pruksa REM) และนำเทคโนโลยีการออกแบบ 3 มิติด้วยระบบ BIM มาใช้รวมถึงการเพิ่มคุณค่าสินค้า (High Value Added) ด้วยการออกแบบและใช้วัสดุที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และยังสร้างความเชื่อมั่นกับการบริการหลังการขาย ด้วยการจัดตั้งทีม Home Care และระบบ Service & Tracking Online อันเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จทำให้โครงการบ้านพฤกษา ที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า กระทั่งล่าสุดเปิดโครงการบ้านพฤกษา โครงการที่ 100 คือ โครงการ "บ้านพฤกษา ไพร์ม สถานีรถไฟฟ้าบางพลู-ราชพฤกษ์" สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากลูกค้าที่มีต่อแบรนด์มาอย่างยาวนาน
"เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าบ้านพฤกษา 100 โครงการ จำนวนรวมกว่า 74,000 ยูนิต ที่มีสมาชิกถึงกว่า 290,000 ราย บริษัทฯ จึงใช้กลยุทธ์ทางการตลาดแบบมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้ โดยใช้บทเพลงเป็นสื่อกลางเพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์บ้านพฤกษา โดยจับมือกับ "สิงโต นำโชค" นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดัง ผู้มีสปิริตและทุ่มเทเพื่อความสำเร็จ มาร่วมสร้างสรรค์ผลงาน และขับร้องเพลงพิเศษที่แต่งขึ้นจากความรู้สึกประทับใจของลูกค้าบ้านพฤกษา ผ่านความสุข ความภูมิใจ ด้วยบทเพลง "ต้นไม้แห่งรัก" ที่สื่อให้เห็นถึงความรัก และความผูกพันธ์ที่มีต่อบ้านพฤกษาทั้ง 100 โครงการ ติดตามฟังได้ที่ youtube.com/watch?v=5NP65BD31Ew"
สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ของ บ้านพฤกษา ในปีนี้ มีแผนจะเปิดจำนวน 16 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางบน ทั้งในกรุงเทพฯปริมณฑล และต่างจังหวัดมากขึ้น ในระดับราคา 1.5 – 2.5 ล้านบาท เพื่อรักษาการเติบโตและรักษาความเป็นผู้นำในตลาดทาวน์เฮาส์ที่พฤกษา ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดมาโดยตลอด โดยในปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งการตลาดถึง 30% มูลค่า 21,288 ล้านบาท