ตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีแรก และแนวโน้ม Q3 ปี 2559

พุธ ๒๐ กรกฎาคม ๒๐๑๖ ๐๙:๔๓
สถานการณ์ทั่วไป

สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association: THBA) สรุปภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัดในช่วง 6 เดือนแรก (เดือน ม.ค.-มิ.ย. 2559) พบว่า ในช่วงไตรมาสแรกมีสัญญาณฟื้นตัวดีเกินคาด แต่เมื่อเข้าสู่ช่วง 3 เดือนหลังของครึ่งปีแรก (เม.ย.-มิ.ย.) กำลังซื้อกลับมาชะลอตัวอีกครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมตลาดรับสร้างบ้าน ยังมีความไม่แน่นอนตามทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่การแข่งขันก็ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยกลุ่มผู้นำตลาดหรือ Top 5 ยังคงทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มรับสร้างบ้านรายกลางรายเล็ก หลายรายถึงกับหยุดกิจกรรมการตลาดเอาไว้ก่อนเพื่อประคองตัว เหตุเพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ซึมยาว ในส่วนของต้นทุนค่าก่อสร้างบ้าน พบว่าต้นทุนปรับขึ้นเล็กน้อยจากค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้น แต่ไม่มีผลต่อราคาขายและผู้บริโภคที่สร้างบ้านในปีนี้ ด้วยเพราะผู้ประกอบการมีการแข่งขันราคากันรุนแรง เพื่อจะชิงส่วนแบ่งตลาดและกำลังซื้อผู้บริโภคที่มีอยู่จำกัด

อย่างไรก็ตาม ทิศทางตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พบว่าขีดความสามารถและกำลังซื้อผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วง 6 เดือนก่อนหน้านี้ (ก.ค.-ธ.ค. 2558) ทั้งในแง่ของปริมาณและราคาเฉลี่ยต่อหน่วย โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้เงินกู้ยืมหรือสินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ พบว่าขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลสมาชิกสมาคมฯ พบว่าร้อยละ 68 ผู้บริโภคใช้เงินสดหรือเงินออม และใช้เงินกู้หรือสินเชื่อธนาคารร้อยละ 32 หากเปรียบเทียบกับช่วงครึ่งหลังปี 2558 (ก.ค.-ธ.ค.) ผู้บริโภคกว่าร้อยละ 80 ใช้เงินสดหรือเงินออมเป็นหลัก โดยธนาคารที่ผู้บริโภคนิยมใช้บริการอันดับแรกๆ ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ เหตุผลสำคัญเพราะ 1.ความสะดวกหรือการให้บริการ 2.อัตราดอกเบี้ย

"เมื่อเร็วๆ นี้รัฐบาลได้ประกาศใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ โดยให้มีผลตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป สมาคมฯ ประเมินว่า อัตราภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่กำหนดไว้ จะส่งผลให้ประชาชนตื่นตัวมากขึ้น เช่น มีการเปลี่ยนมือหรือซื้อขายกัน และนำมาใช้ประโยชน์หรือปลูกสร้างบ้านกันมากขึ้น เพราะมิฉะนั้นจะต้องเสียภาษีในอัตราสูงสุด 1-3% ต่อปี ซึ่งนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ ถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลในเชิงบวกต่อธุรกิจสร้างบ้าน สำหรับอัตราการเสียภาษีบ้านหลังที่ 2 แม้ว่าจะเสียภาษีเพียง 0.03-0.05% หรือคิดเป็น 300-500 บาท/ล้านบาท/ปี แต่ในแง่จิตวิทยาเชื่อว่าจะส่งผลให้ประชาชนเกิดความกังวลในระยะสั้น และอาจฉุดกำลังซื้อกลุ่มที่ต้องการสร้างบ้านหลังที่ 2 ให้ชะลอตัวออกไป อย่างไรก็ดี สมาคมฯ ประเมินว่าผลที่ได้รับจากนโยบายรัฐบาลดังกล่าว ไม่ใช่ตัวแปลสำคัญ ที่จะทำให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านทรงหรือทรุด หากแต่ขึ้นอยู่กลับภาวะเศรษฐกิจประเทศและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมากกว่า"

ทิศทางตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 3 และครึ่งปีหลัง

แนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 3 นี้ สมาคมฯ พบว่าบรรดาผู้ประกอบการมีมุมมองและความเห็นแบ่งออกเป็น 2 ด้าน ด้านหนึ่งมองว่ากำลังซื้อผู้บริโภคจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยจับสัญญาณได้จากความต้องการสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้นในช่วงท้ายไตรมาส 2 ที่ผ่านมา กอปรกับในช่วงไตรมาส 3 ของทุกปี บรรดาผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มักจะมีการโหมจัดกิจกรรมการตลาดกันคึกคัก จึงเชื่อว่าตลาดรับสร้างบ้านมีโอกาสขยายตัว ส่วนอีกด้านหนึ่งประเมินว่า ในช่วงครึ่งปีหลังภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศมีปัจจัยรบกวนและปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง ที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและประชาชน ซึ่งส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัว ได้แก่ ผลกระทบ Brexit ตามที่อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรปหรืออียู ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนและการเมือง ภัยธรรมชาติ ปัญหาราคาพืชผลเกษตรตกต่ำและเกษตรกรส่วนใหญ่รายได้ลดลง ปัญหานักลงทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิตหรือหนีไปลงทุนประเทศอื่น รวมถึงปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะเร็วๆ นี้จะมีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากผ่านประชามติทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการ แต่หากไม่ผ่านก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าการเมืองประเทศไทยจะไปทางใด ด้วยเพราะรัฐบาลปัจจุบันก็ยังไม่มีการประกาศแนวทางที่ชัดเจน

นายกสมาคมชี้แนะ

นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THBA) เปิดเผยว่า สัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจประเทศยังไม่มีความแน่นอน อันเป็นผลมาจากตลาดทุนและเศรษฐกิจโลกเกิดความผันผวน จากกรณีที่ประชาชนชาวอังกฤษลงประชามติ ให้ประเทศอังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรปหรืออียู รวมถึงปัจจัยภายในประเทศว่าด้วยการเมืองและการปกครอง โดยรัฐบาลยุค คสช. จะจัดให้มีมีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในเร็วๆ นี้ เพื่อประเทศไทยจะกลับสู่ประชาธิปไตยและมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต่อไป แต่จน ณ ขณะนี้ยังไม่อาจประเมินได้ว่าผลจะออกมาแบบใด ซึ่งในส่วนของภาคธุรกิจเองต่างเป็นกังวลและเฝ้าจับตาว่าหากมีอุปสรรคเกิดขึ้น รัฐบาลจะเดินตามโรดแมปที่ประกาศวางไว้อย่างไร

สำหรับ แนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 3 นี้ ยอมรับว่าคาดการณ์ยากมาก จากเหตุและปัจจัยที่กล่าวมา อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการที่เตรียมพร้อมและปรับตัวรับมือไว้ก่อนหน้านี้ เชื่อว่าคงได้รับผลกระทบไม่มาก ส่วนรายที่ปรับตัวไม่ทันอาจยากลำบาก เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์กำลังซื้อผู้บริโภคที่ซึมยาว และการแข่งขันของรายผู้นำตลาดที่มีความได้เปรียบหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะว่าด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับของผู้บริโภคมากกว่า การบริหารได้ต้นทุนที่ต่ำกว่า ฯลฯ เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ สมาคมฯ คาดการณ์ตลาด "บ้านสร้างเอง" ทั่วประเทศ มีมูลค่าราวๆ 8-9 หมื่นล้านบาท และประเมินว่าตลาด "รับสร้างบ้าน" โดยกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านมีแชร์ส่วนแบ่งประมาณ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาทในปี 2559 ทั้งนี้จากสถานการณ์ในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา ตลาดรับสร้างบ้านยังไม่คึกคักเท่าที่ควร ดังนั้น สมาคมฯ จึงปรับประมาณการแชร์ส่วนแบ่งกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านลดลง 3% หรือคิดเป็นมูลค่า 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท โดยตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีแนวโน้มชะลอตัวมากที่สุด

ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายๆ ราย ไม่ให้ความสำคัญกับการสื่อสารและสร้างการรับรู้แบรนด์ของตัวเองสู่ผู้บริโภค โดยเฉพาะในแง่ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ แต่หันไปอาศัยหน่วยงานของรัฐและเอกชนอื่นๆ เช่น ชมรม สมาคมการค้า ฯลฯ สื่อสารแทนเป็นหลัก ด้วยเพราะเชื่อว่าได้ประโยชน์และน่าเชื่อถือกว่า ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อภาวะตลาดชะลอตัวและมีการแข่งขันกันสูง ผลที่ได้ไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะถูกเป็นตัวเลือกท้ายๆ ของผู้บริโภค เมื่อเปรียบเทียบกับรายที่แบรนด์แข็งแกร่ง ในส่วนของสมาคมไทยรับสร้างบ้าน ได้แนะนำสมาชิกและผู้ประกอบการมาตลอดว่า ควรสร้างแบรนด์สร้างความเชื่อถือของตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยสมาคมฯ จะเป็นผู้หาทางช่วยลดต้นทุนทางการตลาด สนับสนุนข้อมูล และสื่อสารเฉพาะภาพรวมของธุรกิจเท่านั้น เพื่อชี้ให้เห็นถึงโอกาสและทิศทางตลาด รวมถึงสร้างเวทีกลางให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้มาพบหรือซื้อขายกัน ซึ่งผู้ประกอบการต้องนำไปกำหนดกลยุทธ์ขององค์กรต่อไป เพราะนั่นจะเป็นความยั่งยืนของผู้ประกอบการเอง โดยนโยบายของสมาคมฯ นั้น หาใช่ผู้มีหน้าที่เป็นผู้สร้างแบรนด์สร้างความน่าเชื่อถือแทนเสียเอง นายสิทธิพร กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4