MQDC x THE FORESTIAS ทุ่ม 70 ล้านบาท เปิดแคมเปญ “Forest Rescue – ฟอเรส เรสคิว” ปฏิบัติการกู้ชีพต้นไม้ถูกบุกรุกในเมือง ตอกย้ำคุณค่าของธรรมชาติที่ช่วยสร้างวิถีความสุขให้มนุษย์

จันทร์ ๑๘ มิถุนายน ๒๐๑๘ ๑๖:๓๔
บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้ดำเนินกิจการพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยและมิกซ์ยูสคุณภาพ โครงการ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ เดินเครื่องตอกย้ำความสำคัญของธรรมชาติและระบบนิเวศของโลก ทุ่มงบกว่า 70 ล้านบาท เปิดแคมเปญ "Forest Rescue – ฟอเรส เรสคิว" ปฏิบัติการกู้ชีพต้นไม้รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับคุณค่าและความสำคัญของธรรมชาติ ผ่านวิดีโอคอนเทนต์ พร้อมเปิดช่องทางรับเรื่องให้ความช่วยเหลือต้นไม้ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผ่าน www.facebook.com/theforestias หรือแฮชแท็ก #ForestRescue รวมทั้งจัดทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกิจเข้าสำรวจพื้นที่ ขนย้าย และพักฟื้น โดยนักนิเวศวิทยาที่มีประสบการณ์สูง และแบ่งปันพื้นที่สีเขียวสาธารณะภายใน THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ ให้ต้นไม้ได้พักพิงในพื้นที่ 3 ไร่ หรือ 4,800 ตารางเมตร

นางศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า "ปัจจุบัน องค์กรต่างๆ ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญของระบบนิเวศวิทยาธรรมชาติ เพราะนับเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบถึงคนหมู่มาก ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากสถานการณ์ธรรมชาติป่าไม้ โดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO) ที่เก็บข้อมูลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990-2015 ผ่านประมวลผลจากภาพถ่ายดาวเทียม พบว่า โลกเรามีต้นไม้ราว 3 ล้านล้านต้น ซึ่งผลการประเมินชี้ชัดว่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 โลกสูญเสียพื้นที่ป่าถึง 1.3 ล้านตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าพื้นที่ของทวีปแอฟริกาใต้ หรือทุกๆ 1 ชั่วโมง พื้นที่ป่าจะหายไปขนาดเท่าสนามฟุตบอลไซส์มาตรฐาน (7,140 ตารางเมตร) จำนวน 800 สนามต่อชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ป่าในโซนประเทศเขตร้อนมีการสูญเสียที่รวดเร็วกว่าพื้นที่อื่นๆ ของโลก สำหรับประเทศไทยโดยมูลนิธิสืบนาคะเสถียร พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้อยู่ที่ร้อยละ 31.58 ลดลงจากปี พ.ศ. 2558 ร้อยละ 0.02 หรือประมาณ 65,000 ไร่ ซึ่งนับเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง"

สอดคล้องกับคำมั่นสัญญาขององค์กร 'for all well-being' ที่เริ่มต้นจากความตั้งใจในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิต เพื่อส่งผลดีต่อทุกการดำเนินชีวิต พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโลก ผ่านการออกแบบที่ใส่ใจธรรมชาติ นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ในการสร้างสรรค์โครงการเพื่อสร้างสังคมคุณภาพที่ดี รวมทั้งการร่วมอนุรักษ์สภาพแวดล้อม และโลก เพื่อการใช้ชีวิตที่ดีของทุกคนในอนาคต เช่น การสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการอยู่ร่วมกันของคนทั้ง 4 รุ่น การสร้างธรรมชาติให้อยู่คู่ธรรมชาติโดยมีการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า รวมถึงการสร้างผลงานคุณภาพที่มีความปลอดภัย ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสร้างชุมชนให้เป็นสังคมที่น่าอยู่ขึ้น เพื่อรากฐานของคนไทยในอนาคต เน้นการค้นคว้าวิจัย เพื่อเข้าใจ ความต้องการและพฤติกรรมของมนุษย์ นำความรู้มาใช้ในการออกแบบโดยใส่เทคโนโลยี และนวัตกรรม เน้นสร้าง ความเป็นอยู่ที่ดีและความยั่งยืน ทำให้เราได้สร้างสรรค์โปรเจกต์แฟลกชิพ "THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์" ขึ้น ครั้งแรกกับโมเดลการใช้ชีวิตเข้ากับระบบนิเวศที่สมดุลเพื่อความสุขที่ยั่งยืน ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Imagine Happiness" โดยล่าสุดได้ใช้งบกว่า 70 ล้านบาท เปิดแคมเปญ "Forest Rescue – ฟอเรส เรสคิว" ปฏิบัติการกู้ชีพต้นไม้ รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจของโปรเจกต์แฟลกชิพอย่าง "THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์" ที่ต้องการช่วยรักษาชีวิตของต้นไม้ผ่านการเคลื่อนย้ายและจัดสรรพื้นที่ เพื่อเป็นบ้านหลังใหม่ให้ต้นไม้สามารถเติบโตต่อไปในอนาคต"

นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า "THE FORESTIAS - เดอะ ฟอเรสเทียส์" เกิดบนคำถามที่ว่า "ความสุขที่แท้จริงของชีวิตเราคืออะไร?" โดยเราได้สร้างสรรค์รูปแบบความสุขที่ยั่งยืนผ่านโครงการ Mixed-use โมเดลแรกของโลกที่ครบบริบูรณ์ด้วย แนวความคิดหมวดใหญ่ 4 ประการ หรือ Eternal 4 ได้แก่ 50 Shades of Nature ความสุขในการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติระบบนิเวศขนาดใหญ่ Connecting 4 Generations ความสุขในการดีไซน์พื้นที่ความอบอุ่นให้กับครอบครัวได้ใช้ชีวิตร่วมกันครอบคลุมถึง 4 เจนเนอเรชั่น Community of Dreams ความสุขบนพื้นที่และสาธารณูปโภคที่ให้ทุกคนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน Sustainnovation for Well-being ความสุขด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ที่ตอกย้ำความสุขของมนุษย์ที่ได้อาศัยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งแคมเปญ "Forest Rescue – ฟอเรส เรสคิว" ปฏิบัติการกู้ชีพต้นไม้รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล เริ่มต้นและดำเนินการด้วยมุมมองที่ต้องการช่วยเหลือและอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ เพิ่มพื้นที่ สีเขียวและพื้นที่ออกซิเจนให้สังคมเมืองมากขึ้น เพราะปัจจุบันต้นไม้ใหญ่หลายๆพื้นที่ มักตกเป็นเหยื่อของการพัฒนา การก่อสร้างถนน อาคาร สถานที่ หรือสาธารณูปโภคต่างๆ ทำให้ระบบนิเวศของเมืองมีสถานภาพเสื่อมโทรมลง หรือมีศักยภาพในการช่วยเติมเต็มอากาศบริสุทธิ์ให้เมืองน้อยลง บางพื้นที่ต้นไม้ใหญ่มีสุขภาพแย่ลงเพราะขาดคนดูแล กิ่งแห้งตาย เกิดโพรง เกิดการโค่นล้ม จนเป็นปัญหาที่อันตรายแก่ผู้สัญจรไปมาและอาคารบ้านเรือนในละแวกใกล้เคียง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการจัดการได้อย่างถูกวิธีและรวดเร็ว ทาง "THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์" จึงได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการที่เรียกว่า Forest Rescue Team ประกอบด้วย นักนิเวศวิทยาที่มีประสบการณ์สูง ผู้ดูแลต้นไม้ (รุกขกร) และผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ลงสำรวจพื้นที่รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อวางแผนและประเมินสถานการณ์ ดำเนินการเคลื่อนย้ายต้นไม้จากจุดเดิมไปยังระบบนิเวศบ้านหลังใหม่ พร้อมทั้งเปิดช่องทางในการติดต่อสื่อสารและแจ้งข้อความช่วยเหลือต้นไม้ผ่านทาง www.facebook.com/theforestias หรือแฮชแท็ก #ForestRescue โดยเรากำหนดระยะเวลาในการดำเนินโครงการทั้งสิ้น 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคมนี้ ทั้งนี้ ต้นไม้ที่ได้รับการช่วยเหลือทั้งหมด จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศภายในโครงการ "THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์" บนพื้นที่ 3 ไร่ หรือ 4,800 ตารางเมตร โดยต้นไม้แต่ละต้นที่ได้รับการช่วยเหลือจะถูกติดป้ายบ่งบอกถึงที่อยู่เดิม เพื่อให้เจ้าของเดิมหรือประชาชนทั่วไปเข้ามาเยี่ยมเยียน พักผ่อน หรือศึกษาระบบนิเวศธรรมชาติ ซึ่งจะเปิดเป็นพื้นที่สาธารณะส่วนหนึ่งให้แก่ประชาชนทั่วไปเข้าชมโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ

สำหรับการสื่อสารประชาสัมพันธ์ บริษัทฯ ได้จัดทำวิดีโอคอนเทนต์ เรื่อง "Forest Rescue" ซึ่งได้นำเสนอมุมมองผ่านเค้าโครงเรื่องจริงของต้นจามจุรี ซอยลาดพร้าว 110 ซึ่งเป็นต้นไม้เดิมของบ้านหลังหนึ่ง ที่ต้องการขยายที่อยู่อาศัยจึงมีความจำเป็นต้องนำต้นไม้ออกจากพื้นที่ จึงได้ติดต่อทีมงาน เพื่อช่วยเหลือในการล้อมย้ายต้นไม้แทนการตัดทิ้ง เพื่อไปยัง ที่อยู่ใหม่ภายในโครงการ "THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์" นับเป็นมุมมองความผูกพันของมนุษย์และต้นไม้ ที่น้อยคนนักที่จะรับรู้ได้ นอกจากนี้ ยังได้วางกลยุทธ์การสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก อาทิ โซเชียลมีเดีย (Social Media) ทั้งเฟสบุ๊ค (Facebook) บทความออนไลน์ (Content online) รายการโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ และอื่นๆ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในการนำเสนอข้อมูลและรายละเอียดของแคมเปญได้อย่างรวดเร็ว พร้อมตระหนักรับรู้ความสำคัญและประโยชน์ของต้นไม้ที่มีต่อมนุษย์เรา โดยบริษัทฯ ได้กำหนดกฎเกณฑ์ในการช่วยเหลือต้นไม้ ซึ่งพิจารณาถึงความอยู่รอดของต้นไม้หลังจากการล้อมย้ายเป็นหลัก โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญ Forest Rescue Team เป็นผู้พิจารณาเงื่อนไขที่กำหนด อาทิ ประเภทต้นไม้ : ต้องไม่เป็นต้นไม้ที่เป็นไม้ต่างถิ่นรุกราน เช่น ต้นกระถินณรงค์ ตัวการในการลดความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจากมีการแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว หรือ ต้นไม้ที่มีการแพร่พันธุ์เร็วเกินไป ยากต่อการควบคุมซึ่งอาจส่งผลต่อระบบนิเวศ เช่น ต้นโพธิ์ ต้นไทร และต้นมะกล่ำ เป็นต้น การขนย้าย คำนึงถึงสภาพภูมิอากาศเดิมของต้นไม้ที่จะช่วยเหลือเข้ามาในโครงการต้องมีความใกล้เคียงกัน เพื่อให้ได้รับความกระทบกระเทือนจากการขนย้ายน้อยที่สุด การจัดการดูแลต้นไม้ คือ ต้นไม้ที่รับบริจาคจะอยู่ภายใต้การดูแลของโครงการฯ ซึ่งเจ้าของเดิมสามารถเข้าเยี่ยมชมได้เมื่อโครงการ แล้วเสร็จ และ ข้อจำกัดอื่นๆ อาทิ ต้องเป็นต้นไม้ส่วนบุคคลไม่ใช่ทรัพย์สินของราชการหรือสาธารณะ และผู้แจ้งต้องเป็นเจ้าของต้นไม้ หรือได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของต้นไม้ให้เข้าร่วมโครงการ สำหรับการล้อมต้นไม้ ต้องคำนึงถึงสายพันธุ์ เพราะมีข้อจำกัดสำหรับการขุดล้อมที่แตกต่างกัน เช่น ฤดูกาล และวิธีการขุดล้อมที่เหมาะสม และการพิจารณาช่วยเหลือต้นไม้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้เชี่ยวชาญจาก THE FORESTIAS

ด้วยจุดเริ่มต้นที่บริษัทฯ สร้างสรรค์แคมเปญนี้ เพราะว่าเล็งเห็นความสำคัญและคุณค่าของต้นไม้ทุกต้นที่มีประสิทธิภาพในการช่วยรักษา สร้างสรรค์ ฟื้นฟู สภาพแวดล้อมต่างๆ ของโลกในแง่มุมที่แตกต่างกัน ซึ่งเราสามารถอ้างอิงได้จากผลงานวิจัยขององค์กรระดับโลกว่าประโยชน์ของต้นไม้มีประสิทธิภาพมากมาย อาทิ ข้อมูลจากทีมนักวิจัยจาก Lawrence Livermore National Laboratory ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวไว้ว่า "การปลูกต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น ให้ความเย็นเท่ากับเครื่องปรับอากาศ 1 ตัน ที่ให้ความเย็น ประมาณ 12,000 บีทียู (1 เครื่อง) อีกทั้งร่มเงาของต้นไม้ก็จะช่วยบังแสงอาทิตย์ที่ส่งมาสร้างความร้อนให้กับตัวบ้านได้ทั้งวัน จึงสามารถลดการใช้เครื่องปรับอากาศในบ้านลง ผลที่ตามมา คือ ค่าไฟที่ลดลงถึง 20% ต่อปีและถ้าคุณมีต้นไม้ปลูกทางทิศตะวันตกของตัวบ้านจะช่วยลดความร้อนและประหยัดพลังงานได้ราว 10%" หรือข้อมูลงานวิจัยเมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน กล่าวว่า "ต้นไม้ใหญ่ในเมืองจำนวน 200,000 ต้น สามารถดูดซับคาร์บอนได้ปีละมากกว่า 5,000 ตัน และกำจัดมลพิษได้มากถึง 305 ตัน" นอกจากนี้ ยังมีต้นไม้ใกล้ตัว อย่าง สนทะเล สนฉัตร สนสามใบ สนสองใบ ที่สามารถดูดซับมลพิษหรือสามารถดูดซับฝุ่นละอองได้ดี หรือ สัตบรรณ กระดังงาไทย ชงโค และแสงจันทร์ ที่สามารถ ดูดซับฝุ่นออกไซด์ของไนโตรเจนและผลิตโอโซนได้ดีอีกด้วย

บริษัทฯ คาดหวังว่า จากการดำเนินการสื่อสารประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับความสำคัญของต้นไม้และระบบนิเวศวิทยา จะเป็นการกระตุ้นเตือนให้กับคนไทยหันมามองคุณค่าของพื้นที่สีเขียวใกล้ตัว รวมทั้งหวงแหนและอนุรักษ์ให้แก่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป

สามารถดาวน์โหลดวิดีโอ Forest Rescue ได้ที่ https://youtu.be/2GuChdxK06s

Hashtag #ForestRescue #TheForestias #MQDCForAllWellBeing

เกี่ยวกับบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC)

บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) คือธุรกิจภายใต้กลุ่มบริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) ดำเนินกิจการพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบไปด้วย บ้าน คอนโดมิเนียม และโครงการมิกซ์ยูส พร้อมดำเนินธุรกิจภายใต้คำมั่นสัญญา 'for all well-being'

MQDC ได้พัฒนาที่อยู่อาศัยและโครงการมิกซ์ยูสที่เน้นความหรูหราภายใต้แบรนด์ แมกโนเลียส์ และโครงการที่เน้นการใช้ชีวิตแบบคนเมืองยุคใหม่ ภายใต้แบรนด์ วิสซ์ดอม และยังได้สร้างบริษัทน้องใหม่อย่าง บริษัท แอสเพน คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ พร้อมให้บริการการดูแลเต็มรูปแบบ เพื่อให้เป็น 'aging in place'

MQDC ได้สร้างโครงการขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ อาทิเช่น ICONSIAM และเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงาน เช่น ระบบของโครงการ WHIZDOM 101 'smart city' พร้อมให้การรับประกันยาวนานถึง 30 ปี ในทุกๆ โครงการของเราเพื่อยืนยัน ในมาตรฐานการก่อสร้างที่ดีที่สุด

การประยุกต์ปรัชญา 'นวัตกรรมแห่งความยั่งยืน' MQDC มุ่งมั่นที่จะนำพาภาคธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปสู่ความยั่งยืน

MQDC ยังได้ให้การสนับสนุนการด้านการวิจัยและนวัตกรรม โดยได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้อาศัย ผ่าน EEC DT บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด และ กลุ่มบริษัท ดีที MQDC ยังคงเน้นระบบที่ช่วยประหยัดพลังงาน เช่น District cooling และ on-site power

MQDC ดำเนินงานพร้อมกับการคำนึงถึงสิ่งมีชีวิตบนโลก มากกว่านั้นยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาความยั่งยืนเพื่อสังคมโดยรวม

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.mqdc.com | Facebook: www.facebook.com/MQDC.For.All.Well.Being | IG: mqdc.official

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๒:๑๔ องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๑๒:๑๒ การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๑๒:๔๔ DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๑๒:๑๐ JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๑๒:๒๓ นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๑๒:๕๗ Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๑๒:๒๘ โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๑๒:๑๐ STEAM Creative Math Competition
๑๒:๔๔ A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๑๒:๔๗ ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้