นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า จังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจจังหวัดหนึ่งของประเทศ ในเชิงรายได้ประชากรมีรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับสองของประเทศ จังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดที่สามารถเป็นตัวชี้วัดว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวหรือไม่ฟื้นตัว ภาวะความยากจน รวมไปถึงปัญหาหนี้นอกระบบว่าอยู่ในระดับใด นายพงษ์ภาณุกล่าวต่อไปว่าในส่วนของโครงการไทยเข้มแข็ง มีการรายงานความคืบหน้าจากทางจังหวัดสมุทรสาคร เบื้องต้นในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปได้ด้วยดี โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบดังนี้ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมชลประทาน ในส่วนของการรายงานของกรมทางหลวงที่เป็นโครงการเล็กๆ หลายโครงการเสร็จสิ้นแล้ว 100% กรมทางหลวงชนบท (โครงการถนนไร้ฝุ่น) มีความคืบหน้าในการดำเนินงานถึง 70%ในส่วนของกรมชลประทานมีความคืบหน้าเกือบ100% และชาวบ้านจะได้รับประโยชน์ในเรื่องของการป้องกันการกัดเซาะบริเวณริมตลิ่ง และสามารถช่วยเหลือพื้นที่ที่อยู่ด้านในคลองไม่ให้เกิดน้ำท่วมได้ นายพงษ์ภาณุเชื่อมั่นว่าไม่เกินสิ้นปี 53 จังหวัดสมุทรสาครจะสามารถเบิกจ่ายงบไทยเข็มแข็งได้เกือบ 100% และในส่วนที่ได้รับแจ้งว่ามีการปรับปรุงรายละเอียดบางโครงการซึ่งอาจทำให้การดำเนินงานล่าช้า ทางกรมบัญชีกลางจะรับเรื่องเพื่อนำไปประสานกับทางสำนักงบประมาณต่อไป นายพงษ์ภาณุกล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของโครงการหนี้นอกระบบ มีลูกหนี้ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครมาลงทะเบียน 6,300 ราย เป็นเงิน 474 ล้านบาท ซึ่งนำไปสู่การเจรจา 4,600 ราย ถือว่ามีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ โดยมีลูกหนี้ที่ได้รับอนุมัติสิ้นเชื่อจากธนาคารของรัฐทั้ง 6 แห่งแล้วหลายราย
การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล กรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบซึ่งการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบสิ่งที่รัฐบาลไม่ได้ละเลยคือการส่งเสริมอาชีพให้กับลูกหนี้ นายพงษ์ภาณุกล่าวในตอนท้าย