ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประกาศลงทุนเพิ่ม 50 ล้านยูโร เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจซัพพลายเชนในประเทศไทย

จันทร์ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๐๑๒ ๑๒:๕๓
- เปิดตัวสถานประกอบการแห่งใหม่ พร้อมขยายเพิ่มฟลีทยานพาหนะขนส่งสินค้า

- มุ่งเป้าเพิ่มการจ้างงานกว่า 2,000 อัตรา ภายในปีพ.ศ. 2558

ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาโซลูชั่นลอจิสติกส์ ประกาศมูลค่าการลงทุนเพิ่ม 50 ล้านยูโร (ประมาณ 1.96 พันล้านบาท) เพื่อพัฒนาธุรกิจและตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งในประเทศไทย พร้อมเปิดเผยแผนการดำเนินงานในช่วงสองปีครึ่งนับจากนี้ มุ่งเป้าเพิ่มจำนวนยานพาหนะขนส่งสินค้า เพิ่มสถานประกอบการ นำเสนอเทคโนโลยีการบริการรูปแบบใหม่ สนับสนุนโปรแกรมการอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรในด้านต่างๆ และเพิ่มการจ้างงานอีกกว่า 2,000 อัตรา

นายพอล เกรแฮม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กล่าวว่า “ประเทศไทยนับเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปีที่แล้วธุรกิจของเราขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 ทั้งนี้เรามีความพร้อมในการเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงเพื่อรองรับการขยายธุรกิจของลูกค้าของเราในประเทศไทย”

“ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงมีแผนงานและโครงการใหม่ๆ ที่วางแผนจะเปิดตัวในปีหน้านี้ อันได้แก่ ศูนย์กลางการจัดการสินค้าด้านยานยนต์ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งจะมาช่วยเสริมทัพการดำเนินงานด้านยานยนต์โดยเฉพาะ ศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าแห่งใหม่ย่านบางนาที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่การดำเนินงานด้านค้าปลีก รวมถึงการเพิ่มจำนวนฟลีทยานพาหนะขนส่งสินค้า และการริเริ่มระบบการจัดการขนส่งรูปแบบใหม่ ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการกระจายสินค้า นอกจากนี้เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตของธุรกิจ เรายังมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มการจ้างงานขึ้นอีก 2,000 อัตราภายในปี พ.ศ. 2558 นี้ โดยในปัจจุบันเรามีพนักงานทั้งสิ้นประมาณ 9,500 คน ในประเทศไทย” นายออสการ์ เดอ บอค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กล่าว

ศูนย์กลางจัดการสินค้าแห่งใหม่ในปี พ.ศ. 2556

“ในปี พ.ศ. 2556 ดีเอชแอล ซัพพลายเชน จะเปิดตัวศูนย์กลางการจัดการสินค้าด้านยานยนต์แห่งที่ 2[1] ซึ่งจะมารองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของกลุ่มตลาดและกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ทั้งนี้ภายหลังจากการฟื้นตัวจากผลกระทบวิกฤติการณ์น้ำท่วมในปี พ.ศ. 2554 ผนวกรวมกับการขยายตัวทางการตลาดของผู้ผลิตอะไหล่และชิ้นส่วนรถยนต์ต่างๆ ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับการจัดเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่มีการผลิตสินค้าด้านยานยนต์มากที่สุดในโลก นอกจากนี้ความต้องการของผู้บริโภคในตลาดการค้ารถยนต์ในประเทศก็ยังเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย เนื่องมาจากโครงการ “รถยนต์คันแรก” ตามนโยบายของทางภาครัฐ[2]” นายเควิน เบอร์เรล กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย คนใหม่ของ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กล่าว

นอกจากนี้ ในปีหน้า ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ยังได้วางแผนที่จะเปิดตัวศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าแห่งใหม่ย่านบางนา ซึ่งจะมาช่วยสนับสนุนการดำเนินการในด้านการจัดส่งสินค้าปลีก สินค้าแฟชั่น และสินค้าอุปโภคบริโภค ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสามารถตอบโจทย์และรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของกลุ่มลูกค้าหลักของ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อเน้นเรื่องความปลอดภัย และการประหยัดพลังงาน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดจากโครงการ GoGreen[3] ของดีเอชแอล อีกด้วย

นายเบอร์เรล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ผลการรายงานล่าสุดของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ระบุว่า ตลาดการค้าปลีกจะมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะขยายตัวถึงร้อยละ 12 ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์เดิมก่อนหน้านี้[4] และจะนับเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน จึงได้มุ่งมั่นเตรียมพร้อมที่จะรองรับการเติบโตของตลาดในส่วนดังกล่าว โดยเชื่อมั่นว่าศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน และนับเป็นการนำเสนอการบริการที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า”

“การดำเนินงานด้านการจัดส่งสินค้าปลีกของดีเอชแอล ซัพพลายเชน ขึ้นชื่อในเรื่องของระบบการจัดการขนส่งและการจัดเก็บสินค้าที่ได้มาตรฐานระดับโลก ซึ่งถือเป็นระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สำหรับในประเทศไทย การดำเนินงานด้านการจัดส่งสินค้าปลีกของเราถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เราได้นำต้นแบบความสำเร็จต่างๆ ไปประยุกต์ใช้และเป็นต้นแบบให้กับตลาดในประเทศอื่นๆ อีกด้วย” นายเดอ บอค กล่าวเพิ่มเติม

การลงทุนทางด้านยานพาหนะขนส่งสินค้า

ดีเอชแอล ซัพพลายเชน วางแผนที่จะปรับปรุงและขยายฟลีทยานพาหนะขนส่งสินค้า ซึ่งในปัจจุบันประกอบด้วยยานพาหนะทั้งสิ้นจำนวนกว่า 1,000 คัน หรือคิดโดยเฉลี่ยเป็นอัตราการวิ่งรถ 1,200 เที่ยวต่อวัน และครอบคลุมพื้นที่ในการวิ่งรถกว่า 11 ล้านกิโลเมตรในแต่ละเดือน โดยในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะมีการขยายเพิ่มฟลีทยานพาหนะขนส่งสินค้าเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นต่อไป

นอกจากนี้ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ยังคงมุ่งเน้นการอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มพนักงานขับรถ โดยก่อนการปฏิบัติงานจริง พนักงานขับรถที่เพิ่งเริ่มงานใหม่จะต้องเข้าอบรมหลักสูตรเข้มข้น ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาทั้งภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ การจำลองสถานการณ์ และการฝึกขับรถภาคสนาม สำหรับพนักงานขับรถที่มีอยู่เดิมนั้น จะมีการจัดอบรมหลักสูตรทบทวนเพื่อทำการเน้นย้ำความรู้และทักษะทางด้านการขับรถอยู่เสมอๆ ทั้งนี้พนักงานขับรถทุกคนจะต้องสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนฝึกอบรมการขับรถขนส่งสินค้าของดีเอชแอล ซัพพลายเชน ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กระจายสินค้าดีเอชแอล อำเภอบางใหญ่

การพัฒนาทางด้านบุคลากร

นอกเหนือจากการลงทุนเพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานแล้ว ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรเป็นหลัก โดยสำหรับประเทศไทยถือเป็นประเทศนำร่องในการจัดตั้ง “School of Excellence” ซึ่งมีหน้าที่หลักในการจัดการอบรมหลักสูตรเพื่อการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ[5] สำหรับกลุ่มธุรกิจดีเอชแอลในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก

นายเบอร์เรล กล่าวเสริมว่า “เราเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรเป็นอย่างยิ่ง สำหรับในประเทศไทย พนักงานกว่า 4,000 คน ได้ผ่านการฝึกอบรมจากศูนย์จำลองการปฏิบัติการ และพนักงานระดับผู้จัดการกว่า 200 คน ได้เข้าร่วมในโครงการพัฒนานักบริหาร (Executive Development Program) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างดีเอชแอล และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์”

ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ยังได้ลงทุนเพิ่มเติมสำหรับการจัดการระบบซัพพลายเชนแบบยืดหยุ่น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ ทั้งนี้ภายหลังจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย และเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศญี่ปุ่นและประเทศนิวซีแลนด์ในปีที่ผ่านมา ดีเอชแอลจึงพัฒนาโปรแกรม “Business Continuity Management and Disaster Response” ที่มุ่งเน้นการจัดการธุรกิจซัพพลายเชนเพื่อความต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก และรับมือกับปัญหาภัยพิบัติต่างๆ เพื่อนำเสนอเป็นบริการเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้า

ดีเอชแอล ซัพพลายเชน เริ่มเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2538 ในปัจจุบันเป็นผู้นำทางการตลาดในกลุ่มสินค้าปลีก และสินค้าอุปโภคบริโภค ในขณะเดียวกัน สินค้าในกลุ่มอื่นๆ เช่น สินค้าด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ สินค้าด้านยานยนต์ และสินค้าทางด้านเทคโนโลยี ก็มีอัตราการเติบโตทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว

[1] ดีเอชแอล ซัพพลายเชน มีศูนย์กลางสินค้าด้านยานยนต์แห่งที่ 1 อยู่ในจังหวัดระยอง

[2] http://www.nationmultimedia.com/business/Thailand-set-for-record-auto-production-30190808.html

[3] บริษัท ดอยซ์ โพสต์ ดีเอชแอล มีโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมถึง 3 โครงการด้วยกัน ได้แก่ โครงการ GoGreen (เพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อม) โครงการ GoHelp (เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติต่างๆ) และโครงการ GoTeach (เพื่อสนับสนุนการศึกษา)

[4] http://www.bangkokpost.com/business/economics/304134/retailers-tout-rosy-12-growth-forecast

[5] การจัดการคลังสินค้า การขนส่ง และความปลอดภัย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4