งานนี้ จา พนม ยีรัมย์ ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ขึ้นเวทีร่วมกับ พันนา ฤทธิไกร ผู้ออกแบบและควบคุมฉากแอ็คชั่น รวมทั้งยังได้ คุณวิทิตนันท์ โรจนพานิช ผู้ควบคุมงานสร้าง และ มินท์ มินฑิตา วัฒนกุล เอเอฟ 3 และดอล์ฟ ลันด์เกรน พร้อมให้บรรดาสื่อมวลชนสอบถามพูดคุยถึงที่มาที่ไปของโปรเจ็คต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถึงการตัดสินใจจับมือร่วมกันสร้างปรากฎความยิ่งใหญ่ให้กับวงการภาพยนตร์แอ็คชั่นโลกในครั้งนี้
ซึ่ง จา พนม กล่าวว่า “ในภาพยนตร์แอ๊คชั่นสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังเป็นคอนเซ็ปต์เดิมคือ เรียลเล่นจริง แสดงจริง จากเริ่มแรกของโปรเจ็คนี้เกิดจากคำว่าม้าย่องของไทย ซึ่งจากนั้นเราเลยต้องการหาคู่ต่อสู้ที่เป็นตะวันตกที่มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันจากของไทย โดยเฉพาะวัฒนธรรมของไทยจีนและตะวันตกซึ่งเรามองว่าเป็นคาวบอย ที่ผมและดอล์ฟไม่เคยเล่นมาก่อน ตอนแรกเราส่งสคริปต์และบทไปให้เค้าดูก่อน แต่เค้ายังไม่รู้ว่าแอ๊คชั่นของเราเป็นยังไงแต่เค้าชอบเพราะมันท้าทายดี พอได้มาสัมผัสมาลองเวิร์คช๊อปกัน มาลองเข้ามวยกันมันกลายเป็นแอ๊คชั่นคอมเมอดี้ที่ลงของ 2 วัฒนธรรมที่ลงตัว ตะวันตกที่เป็นคาวบอยและมวยไทยอย่างม้าย่อง มันเป็นลีลาที่หาคู่จับและคู่ปรับได้เป็นอย่างดี ก็เลยเป็นการต่อสู้ที่มาเจอกันในภ.เรื่องนี้ ที่เลือกเป็นม้าเพราะอย่างเสนอมุมมองแบบไทยของมวยไทย และเสนอสิ่งที่คนอาจจะไม่เคยรู้จักเรามาก่อน ว่าเราสามารถเต้น ร้อง และเอานำเรื่องเหล่านี้มาผสมผสานกับมวยได้ จึงแตกและมาพัฒนาเป็นศาสตร์มวยแบบใหม่ขึ้นมาจากม้าย่อง”
ความโดดเด่นของโปรเจ็คต์ โทนี่ จา ปะทะ ดอล์ฟ ลันด์เกรน ที่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญนอกจากจะเป็นการระเบิดความมันส์ร่วมกันระหว่าง REAL ACTION ที่เป็นลีลาเฉพาะตัวของ จา พนม ที่ครั้งนี้จะนำเสนอในรูปแบบของอาชาสไตล์ หรือ มวยม้ากับแอ็คชั่นในสไตล์เวสเทิร์นที่ซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวู้ดอย่าง ดอล์ฟ ลันด์เกรน จะมาในลุคส์คาวบอยตะวันตกแล้ว ยังเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น-คอมมิดี้เรื่องแรกของทั้งคู่อีกด้วย
จนมาถึงช่วงท้ายของงานแถลงข่าว 2 ซูเปอร์สตาร์ก็ได้มีโอกาสโพสต์ท่าแอ็คชั่นคู่กัน ให้กับสื่อมวล ชนได้ถ่ายรูปในครั้งนี้ด้วย สำหรับโปรเจ็คต์ภาพยนตร์แอ็คชั่นระดับโลกเรื่องล่าสุดนี้ได้ทำการเปิดกล้องเป็นที่เรียบร้อยแล้วและกำลังอยู่ในระหว่างการถ่ายทำ