นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้นำธุรกิจสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรแห่งอาเซียน ครอบคลุมธุรกิจด้านอีเว้นท์,ด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 1,500 ล้านบาท ซึ่งหลักๆ มาจากธุรกิจอีเว้นท์ประมาณ 80% ครอบคลุมทั้งในกลุ่มรับจัดงาน และกลุ่มซัพพลายอุปกรณ์ระบบภาพแสงเสียง ตลอดจนจะมีการเปิดหน่วยธุรกิจใหม่รองรับการจัดงานประชุมนานาชาติ ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น โดยปัจจุบัน มีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) ภายในสิ้นปีนี้ มูลค่ากว่า 825 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานปี 2562 (มกราคม-ธันวาคม 2562) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,338.10 ล้านบาท ลดลง 111 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถึงแม้รายได้จะลดลง แต่ด้วยการปรับกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนในทุกๆ ด้าน รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาปรับโครงสร้างของบริษัทในเครือ ทำให้บริษัทฯ พลิกกลับมามีกำไรอยู่ที่ 109.75 ล้านบาท
“สำหรับผลประกอบการของ CMO ถือว่าเติบโตได้ดี เป็นอัตราที่น่าพอใจ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และมีการแข่งขันในตลาดสูงมาก เรายังบริหารงานให้มีกำไร ซึ่งมาจากการที่บริษัท ได้รับงานโครงการใหญ่ๆ หลายโครงการ อาทิเช่น งานประชุมทางการแพทย์หัวใจนานาชาติด้านโรคไฟฟ้าหัวใจ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งงานนี้มีแพทย์โรคหัวใจจากทั่วโลกเดินทางมาประชุมกว่า 3,500 คน ตลอดจนงานอีเว้นท์ส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งในกลุ่มรถยนต์,เครื่องสำอางค์สกินแคร์ และธนาคาร เป็นต้น บวกกับบริษัทฯ เน้นการบริหารจัดการต้นทุน, บริหารความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในด้านต่างๆ อีกด้วย” นายเสริมคุณ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ยังมีมติให้เสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาจ่ายเงินปันผลสำหรับการดำเนินงานประจำปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.075 บาท โดยจะนำเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติต่อไป
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMO กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นภารกิจสำคัญที่บริษัท จะต้องตอบแทนผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ จึงได้มีมติจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมในอัตรา 0.075 บาทต่อหุ้น บวกกับปันผลที่จ่ายไปแล้วเมื่อกลางปีที่แล้ว ซึ่งจ่ายไป 0.13 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากผู้ถือหุ้นอนุมัติเงินปันผลจะเท่ากับเงินปันผลจ่ายทั้งปี 0.205 บาท/หุ้น ถ้าเปรียบเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบัน (ณ วันที่ 26 ก.พ. 63 ราคาหุ้น 0.97 บาท) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนถึง 21% ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนที่ดึงดูดใจ เป็นทางเลือกที่ดีของการลงทุนในยามที่ภาวะตลาดมีความผันผวนสูง
“ทั้งนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 มีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ยังไม่กระทบผลการดำเนินงานทั้งปี เพราะส่วนใหญ่เป็นการเลื่อนจัดงานออกไป แต่ยังไม่ได้ยกเลิกการจัดงาน โดยผลงานในไตรมาสแรกนี้ ที่บริษัทฯ ได้ดูแลบริหารจัดงานไปก็ครอบคลุมงานทุกรูปแบบ อาทิเช่น งานซัพพลายระบบภาพแสงเสียงในงาน LINE TV AWARDS 2020, งาน Mega Kids World 2020, งานประชุมดีลเลอร์ Michelin B2B Dealer Convention 2020 เป็นต้น โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าของบริษัทฯ จะเป็นงานภาครัฐอยู่ที่ 20% และงานภาคเอกชนเป็น 80%” นายเสริมคุณ กล่าวทิ้งท้าย