WHA Group โชว์กำไรปกติ Q1/63 197 ล้านบาท โต 26% ฝ่า COVID-19 ส่งสัญญาณเชิงบวก

จันทร์ ๑๘ พฤษภาคม ๒๐๒๐ ๑๑:๕๔
บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA Group ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 1/63 รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน 1,278 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 99 ล้านบาท โดยเป็นผลกำไรจากการดำเนินงานปกติ 197 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ด้าน GROUP CEO “ จรีพร จารุกรสกุล ” เดินหน้าตอกย้ำความมั่นใจ ส่งสัญญาณเชิงบวก ครึ่งปีหลังบริษัทฯ ยังเนื้อหอม นักลงทุนต่างชาติเริ่มทยอยกลับมาลงทุน พร้อมเติบโตต่อทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ รวมทั้งบริษัทฯ มีแผนในการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ในไตรมาส 4
WHA Group โชว์กำไรปกติ Q1/63 197 ล้านบาท โต 26% ฝ่า COVID-19 ส่งสัญญาณเชิงบวก

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2563 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า 1,278 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 99 ล้านบาท โดยเป็นผลกำไรจากการดำเนินงานปกติ 197 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 หากไม่นับผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน และกำไรจากการรับรู้รายได้รอตัดบัญชีสำหรับทรัพย์สินที่ขายเข้ากอง WHABT ในปี 2558 ที่มีการรับรู้ ในไตรมาส 1 ปี 2562

ธุรกิจโลจิสติกส์และโรงงานให้เช่ายังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยที่บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจการให้เช่าและให้บริการคลังสินค้าจากการดำเนินงานปกติ อยู่ที่ 286 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 27 เนื่องจากการขยายตัวของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม E-Commerce และ Consumer ซึ่งได้รับประโยชน์โดยตรงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ส่งผลให้ความต้องการใช้พื้นที่เช่าคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้ามีมากขึ้น และจากกรณีดังกล่าว บริษัทฯ จึงยังคงกำหนดเป้าหมายพื้นที่เช่าคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในปี 2563 เพิ่มขึ้น 2.5 แสนตารางเมตร ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีพื้นที่ที่อยู่ในการบริหารทั้งสิ้นประมาณ 2.6 ล้านตารางเมตร

สำหรับธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมยอดการโอนที่ดินชะลอตัว เนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางจากสถานการณ์ COVID-19 โดยบริษัทฯ รับรู้รายได้จากการโอนที่ดินอยู่ที่ 245 ล้านบาท และมียอดขายที่ดินใหม่ในไตรมาส 1 อีก 51 ไร่ แม้ตัวเลขจะมีการชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ แต่ลูกค้ากลุ่มต่างๆยังคงแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง และโดยเฉพาะมีกระแสที่จะย้ายการลงทุนออกจากประเทศจีนของกลุ่มนักลงทุนชาวจีน ญี่ปุ่น และอเมริกา ออกมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น และประเทศไทยยังมีศักยภาพและความแข็งแกร่งในฐานะศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาค และจุดแข็งของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอฯ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศได้เป็นอย่างดี

ล่าสุดประเทศจีน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาลงทุนนิคมฯของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมากกว่าร้อยละ 50 ของยอดขายที่ดิน เริ่มทยอยกลับมาฟื้นตัว กอปรกับนโยบายของทางการจีน ที่เตรียมอัดมาตรการกระตุ้นการลงทุน และเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลังจากที่เกิดวิกฤตในครั้งนี้ ยังส่งผลเชิงบวกกับหลายประเทศที่เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ในการพึ่งพาวัตถุดิบจากจีน จากสัญญาณเชิงบวกดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ คาดว่าในเร็วๆนี้ จะเริ่มเห็นความชัดเจนการเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินอีกครั้ง และเชื่อว่าภาพรวมยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมสามารถกลับมาเติบโตตามแผนในครึ่งหลังของปีนี้

ธุรกิจการให้บริการสาธารณูปโภคชะลอตัวลงประมาณร้อยละ 5 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาครัฐขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมให้ลดการใช้น้ำลงร้อยละ 10 เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง โดยบริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคอยู่ที่ 534 ล้านบาท นอกจากนี้ส่วนของการจัดหาแหล่งน้ำ (supply side) บริษัทฯ ได้ตัดสินใจเร่งการลงทุนในโครงการ Reclaimed Water โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขึ้นมาเป็น 30,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งจะเสริมความมั่นคงในการจัดหาแหล่งน้ำ และ ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรอีกด้วย นอกเหนือจากนั้นบริษัทมีมุมมองว่ายอดขายน้ำโดยรวมมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นหลังสถานการณ์ภัยแล้ง

ในส่วนของโครงการ Duang River Water Treatment Project ที่ประเทศเวียดนาม มีการขยายปริมาณการขายน้ำและการต่อขยายท่อส่งน้ำที่ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมาตรการการควบคุมสถานการณ์โควิด 19 ของประเทศเวียดนาม โดยส่งผลให้ยังเกิดผลขาดทุนในการดำเนินงานในไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าการขยายตัวของยอดขายจะเติบโตสูงขึ้น หลังจากสถานการณ์ COVID-19 ในเวียดนามเริ่มคลี่คลาย

ธุรกิจไฟฟ้า กลุ่มบริษัทฯรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากการดำเนินงานจากการลงทุนบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าไม่นับรวมการขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นร้อยละ 56 อยู่ที่ 245 ล้านบาท โดยมาจากกำลังการผลิตที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของโรงไฟฟ้า SPP ที่มียอดขายลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 ซึ่งมาจากโรงไฟฟ้าที่สำคัญคือ GNLL และ GNLL2 รวมถึงโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ (CCE) และ Solar Rooftop โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมอยู่ที่ประมาณ 570 เมกะวัตต์ นอกจากนี้โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน มีรายได้จากค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment: AP) ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผน

ขณะที่ธุรกิจดิจิทัล มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมฯ เนื่องจากมีการนำระบบไอทีเข้ามาการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการติดตั้งไฟเบอร์ออพติก (FTTx) เพื่อครอบคลุมพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 10 แห่ง ในประเทศไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล และรองรับกลุ่มลูกค้าที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต

พร้อมกันนี้บริษัทฯ เตรียมแผนการขายทรัพย์สินของบริษัทฯ ให้กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (กองทรัสต์ WHART) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (กองทรัสต์ HREIT) คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายและสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2563

บริษัทฯ มั่นใจในความแข็งแรงทางการเงิน โดยเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานของกิจการที่ปรากฏในงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 เพิ่มอีกในอัตราหุ้นละ 0.0535 บาท โดยเมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายไปเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.0815 บาท แล้ว บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานของปี 2562 รวมเป็นอัตราที่จ่ายทั้งสิ้น หุ้นละ 0.1350 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฯ มองว่าบรรยากาศการลงทุนจะกลับมาเป็นปกติในครึ่งปีหลัง และเพิ่มโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องให้ทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทฯ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4