9 ธุรกิจชั้นนำเปิดตัวโครงการริเริ่มใหม่ หวังเร่งบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้เร็วขึ้น

อังคาร ๒๑ กรกฎาคม ๒๐๒๐ ๑๖:๔๕
โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสร้างแบบอย่างที่ดี ซึ่งจะเข้ามากำหนดทิศทางให้ธุรกิจอื่น ๆ ปฏิบัติตาม

กลุ่มผู้นำบริษัท 9 แห่งได้ประกาศจัดตั้งโครงการริเริ่มใหม่ เพื่อเร่งให้เกิดเศรษฐกิจโลกที่มีการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ โครงการริเริ่มดังกล่าวมีชื่อว่า Transform to Net Zero โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาและส่งมอบงานวิจัย คำแนะนำ และแผนแม่บทที่นำไปปฏิบัติได้จริง เพื่อให้ธุรกิจทุกแห่งบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ได้สำเร็จ

โครงการริเริ่มใหม่นี้นำโดยสมาชิกผู้ก่อตั้งอย่าง A.P. Moller - Maersk, Danone, Mercedes-Benz AG, Microsoft Corp., Natura &Co, NIKE, Inc., Starbucks, Unilever และ Wipro รวมถึงกองทุน Environmental Defense Fund (EDF) โดยได้รับการสนับสนุนจาก BSR ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเลขาธิการให้กับโครงการนี้

โครงการ Transform to Net Zero จะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการพลิกโฉมธุรกิจที่จำเป็นสู่การบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 นอกเหนือไปจากการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้กว้างขึ้น โดยมีจุดโฟกัสอยู่ที่นโยบาย นวัตกรรม และการเงิน เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ใช้งานได้จริงแก่ทุกฝ่ายแม้จะมีบริษัทรายอื่น ๆ เข้าร่วมเพิ่มเติม ภายใต้การกำหนดเป้าหมายที่จะบรรลุผลลัพธ์การดำเนินงานให้ได้ภายในปี 2025

โครงการริเริ่มนี้จะดำเนินงานตามหลักการดังต่อไปนี้:

1. มุ่งสร้างนวัตกรรมพลิกวงการ:ดำเนินงานตามพันธสัญญาของสมาชิกแต่ละราย และนำสิ่งนั้นไปปฏิบัติจริง ไม่ว่าจะในเรื่องกลยุทธ์องค์กร บรรษัทภิบาลและความรับผิดชอบ การเงินและการดำเนินงาน การบริหารจัดการความเสี่ยง การจัดซื้อ นวัตกรรมและการวิจัยและพัฒนา การตลาด และกิจการสาธารณะ

2. นำโดยหลักวิทยาศาสตร์ ข้อมูลและกลวิธีจากแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด:มุ่งใช้แนวทางที่เป็นมาตรฐานเพื่อบรรลุหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดซึ่งจำเป็นต่อการควบคุมอัตราการเพิ่มของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส พร้อมยกระดับคุณภาพและความพร้อมของการวิจัย ข้อมูล และเครื่องมือสำหรับทุกคน และสร้างผลตอบแทนสูงสุดต่อสภาพอากาศจากการลงทุน

3. ใช้ประโยชน์จากโครงการที่ดำเนินอยู่:มุ่งส่งเสริมความร่วมมืออย่างเปิดกว้างร่วมกับโครงการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ที่มีอยู่เดิม (โครงการตามที่เข้าร่วม สนับสนุน เป็นภาคส่วน และในแง่ระเบียบวิธี) เพื่อใช้ประโยชน์จากการดำเนินงานที่มีอยู่และยกระดับการพลิกโฉมธุรกิจสู่การลดการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

4. บรรษัทภิบาลและควบคุมดูแลอย่างเข้มแข็ง:ที่ระดับสูงสุดขององค์กร โครงการบรรษัทภิบาลและการควบคุมดูแลจะผนึกกำลังสู่การบรรลุเป้าหมายปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ไม่ว่าจะด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม บริการ และโมเดลธุรกิจ

5. มุ่งลดและกำจัดการปล่อยคาร์บอนทั่วทั้งองค์กร:การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์อาศัยการลดการปล่อยคาร์บอนทั่วทั้งห่วงโซ่มูลค่า ซึ่งรวมถึงผลกระทบจากผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์กำหนดให้เราต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ตามวิทยาการล่าสุด และเพิ่มขีดความสามารถของเราในการกำจัด GHG ในอนาคตอันใกล้ เพื่อกรุยทางให้บริษัทต่าง ๆ และทั้งโลก ร่วมบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เพื่อรักษาเสถียรภาพของสภาพอากาศ โดยจะมีการบูรณาการกระบวนการส่งเสริมสภาพอากาศหลากหลายรูปแบบเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้

6. การลงทุนเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม:มุ่งมั่นตั้งใจลงทุนและเร่งการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อยกระดับสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ รวมถึงการจับมือเป็นพันธมิตรกับภาคส่วนอื่น ๆ

7. ร่วมกำหนดนโยบาย:ยกระดับนโยบายสาธารณะที่ก่อให้เกิดความก้าวหน้าและเร่งให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ได้เร็วขึ้น พร้อมประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สมาคมการค้า เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้

8. ความโปร่งใสและความรับผิดชอบ:รายงานและเปิดเผยข้อมูลความคืบหน้าในเรื่องการยกระดับสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ต่อผู้มีส่วนได้เสียรายสำคัญ ทั้งนักลงทุน ลูกค้า ผู้บริโภค รวมถึงฝ่ายกำกับดูแลหากจำเป็น พร้อมแบ่งปันข้อมูลข่าวสารเรื่องแนวปฏิบัติที่ดีเพื่อยกระดับสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกคน

9. การเปลี่ยนผ่านอย่างเหมาะสมและยั่งยืน:เรารู้ว่ากลุ่มคนชายขอบและชุมชนผู้มีรายได้น้อยต้องเผชิญผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงที่สุด ดังนั้น เราจะช่วยสร้างเงื่อนไขที่จำเป็นเพื่อแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสม และยั่งยืนสำหรับประชาชนทุกเพศ เชื้อชาติ และทุกระดับ

ความคิดเห็นจากบริษัทต่าง ๆ :

A.P. Moller - Maersk

S?ren Skou ซีอีโอของ A.P. Moller - Maersk กล่าวว่า “A.P. Moller - Maersk มุ่งมั่นต่ออนาคตของการขนส่งและโลจิสติกส์แบบไม่ปลดปล่อยคาร์บอน และเพื่อทำตามเป้าหมายในความตกลงปารีส เมื่อปี 2018 เราได้ประกาศเป้าหมายที่จะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงเหลือศูนย์ภายในปี 2050 นับแต่นั้น เราก็ใช้มาตรการที่จริงจังหลายอย่างเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรม เราตระหนักดีว่าเป้าหมายโดยรวมของความพยายามไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียสนั้น จะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างแข็งขันจากทุกภาคส่วนและธุรกิจ เราจึงมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ Microsoft และบริษัทระดับโลกรายอื่น ๆ ในโครงการริเริ่ม “Transform to Net Zero” นี้

BSR

Aron Cramer ประธานและซีอีโอของ BSR กล่าวว่า “ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ธุรกิจมากมายมุ่งมั่นทำตามเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะเร่งการทำงานที่จำเป็นเพื่อให้สำเร็จตามเป้า โอกาสของเราที่จะควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มสูงเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียสนั้นกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เราอยู่ในช่วงที่ต้องเร่งลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรม ถ้าเราไม่อยากเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม Transform to Net Zero จึงสำคัญ นี่ไม่ใช่แค่เป็นเพียงแรงบันดาลใจ แต่ Transform to Net Zero ยังช่วยให้บริษัทต่าง ๆ มีแนวทางปฏิบัติที่ช่วยให้เปลี่ยนธุรกิจตัวเองเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ไม่มีการปลดปล่อยคาร์บอน”

Danone

Emmanuel Faber ประธานและซีอีโอของ Danone กล่าวว่า “บนโลกใบเดียวของเรา กรอบการทำงานด้านสุขภาพหนึ่งเดียวที่เรามีอยู่ก็คือการทำให้สภาพภูมิอากาศเป็นแกนหลักของการเปลี่ยนแปลงระบบอาหาร การปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ไม่ใช่แค่เป็นตัวเลือกของ Danone แต่เป็นหนทางที่เราจะคิดค้นรูปแบบการเติบโตใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้น การปฏิวัตินี้จะไม่สามารถสำเร็จได้เลยหากมีแค่เราเพียงคนเดียว นั่นคือสาเหตุที่ผมเชื่ออย่างแท้จริงในการรวมพลังของ Transform to Net Zero เพื่อร่วมแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและสร้างระบบใหม่ ในการสรรสร้างโซลูชันที่มีหลักฐานรองรับซึ่งจะช่วยให้เราขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงและรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มสูงกว่า 1.5 องศาเซลเซียสได้เป็นผลสำเร็จ”

Environmental Defense Fund

Fred Krupp ประธานของ Environmental Defense Fund กล่าวว่า “ช่องว่างระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เราอยู่กับจุดที่เราต้องการจะอยู่นั้นยังคงห่างกันอยู่มาก เช่นเดียวกับช่องว่างระหว่างธุรกิจที่เพียงแค่พูดแต่ไม่ลงมือทำกับธุรกิจที่ลงมือทำอย่างจริงจัง โครงการริเริ่มใหม่นี้มีศักยภาพอย่างมากที่จะปิดช่องว่างดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าธุรกิจอื่น ๆ ทำตามแนวทางความร่วมมือที่นำโดยตัวอย่างและการใช้เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดที่บริษัทมีเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งก็คืออิทธิพลทางการเมือง”

Mercedes-Benz AG

Ola Kaellenius ประธานคณะกรรมการบริหารของ Daimler AG และ Mercedes-Benz AG กล่าวว่า “หากมีบทเรียนหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากการเผชิญหน้ากับโควิด-19 นั่นคือ เราจะประสบความสำเร็จได้มากเพียงใดหากเราร่วมมือกัน นี่เป็นวิธีเดียวที่เราจะสามารถเอาชนะในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ เราจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายร่วมกันและใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อให้สำเร็จตามเป้า นี่คือเหตุผลที่เราเข้าร่วมกับ 'Transform to Net Zero' ภารกิจของเราที่ Mercedes-Benz คือความคล่องตัวในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหลือศูนย์ เรามีความคืบหน้าที่ดีต่อเป้าหมายนี้ และตั้งใจที่จะทำต่อไปจนถึงที่สุด

Microsoft

Brad Smith ประธานของ Microsoft กล่าวว่า “ไม่มีบริษัทใดที่จะสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์สภาพอากาศได้เพียงลำพัง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทชั้นนำทั้งหลายจึงต้องมาร่วมมือกันพัฒนาและแบ่งปันวิธีปฏิบัติ, การค้นคว้าวิจัย และการเรียนรู้ เพื่อให้ทุกคนสามารถเดินหน้าไปพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่เพิ่งเริ่ม หรือแม้แต่บริษัทที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว โครงการ Transform to Net Zero จะช่วยให้เราทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิลงให้เป็นศูนย์ได้กลายเป็นจริงขึ้นมาในอนาคต”

Natura &Co.

Roberto Marques ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอของ Natura &Co. กล่าวว่า “ที่ Natura &Co เรามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในเรื่องของความร่วมมือ เมื่อเร็ว ๆ นี้เราเพิ่งจะเปิดตัวพันธสัญญา 2030 Commitment to Life ออกมา โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในเวลา 10 ปี แต่เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ด้านสภาพอากาศที่โลกกำลังเผชิญทุกวันนี้ มีความจำเป็นที่พวกเราจะต้องร่วมมือกันให้มากขึ้นและเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม โครงการ Transform to Net Zero จึงเกิดขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ดังกล่าว เพื่อให้บริษัททั้งหลายได้มาร่วมมือกันสร้างสรรค์การเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้นในจังหวะเวลาที่เหมาะสม เรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่สดใสมากกว่าเดิม ที่ไม่ใช่แค่เพียงเป็นโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อ ๆ ไปเพียงเท่านั้น หากแต่ยังเป็นโลกที่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายใต้พันธสัญญาใหม่ที่ซึ่งเป็นที่ต้องการของสังคม”

NIKE, Inc.

Andy Campion ซีโอโอของ NIKE, Inc. กล่าวว่า “ในเวลาที่ต้องปกป้องพื้นที่ที่เราใช้อยู่อาศัยร่วมกัน ซึ่งก็คือโลกใบนี้ ไม่มีเวลาสำหรับการสูญเสียใด ๆ เราไม่สามารถรอคอยการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้อีกแล้ว นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องมารวมตัวกันเพื่อเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว หากเราเริ่มทำและร่วมมือกันตั้งแต่ตอนนี้ เราจะสามารถผลักดันความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่สู่อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นกว่าเดิม เราจะไม่หยุดยั้งความตั้งใจในการสร้างโลกที่มีสุขภาพดีเพื่อนักกีฬารุ่นต่อ ๆ ไป”

Starbucks

Kevin Johnson ประธานและซีอีโอของ Starbucks กล่าวว่า “Starbucks ทุ่มเทให้กับการเป็นบริษัทที่ไม่ทำให้ทรัพยากรโลกเป็นลบด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเรา การเข้าร่วมโครงการ Transform to Net Zero นี้จึงสอดคล้องกับความปรารถนาในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของเรา การได้ร่วมมือกับบริษัทที่มีความมุ่งมั่นเหมือน ๆ กัน เราจะเปิดกว้างให้กับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด พร้อมปฏิบัติตามนโยบายเชิงบวกของรัฐบาล และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น เราเชื่อมั่นในพลังของการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง และพร้อมให้การสนับสนุนองค์กรอื่น ๆ ที่ต้องการเข้าร่วมในภารกิจสำคัญเพื่ออนาคตของมวลมนุษยชาตินี้”

Unilever

Alan Jope ซีอีโอของ Unilever กล่าวว่า “วิกฤตการณ์ด้านสภาพอากาศไม่ใช่แค่ภัยคุกคามต่อสภาพแวดล้อม แต่ยังเป็นอันตรายต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกเราทุกคน นี่จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราทุกคนจะต้องร่วมมือกันเพื่อหาทางแก้ไข และโลกของธุรกิจในอนาคตก็ไม่สามารถมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้อีกแล้ว หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ นอกจากจะมีความจำเป็นที่เราต้องหันมาใช้พลังงานที่ไม่ปลดปล่อยคาร์บอนแล้ว การเปลี่ยนแปลงระบบทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถละเลยได้เช่นกัน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่ลังเลที่จะเข้าไปร่วมมือกับบริษัทชั้นนำอื่น ๆ ในฐานะสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Transform to Net Zero ซึ่งเปิดโอกาสให้เราได้ทำงานร่วมกันและเร่งการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่จำเป็นเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในบริษัทของเราให้ได้ภายในปี 2039”

Wipro

Thierry Delaporte ซีอีโอและผู้จัดการทั่วไปบริษัท Wipro Limited กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกร่วมก่อตั้งโครงการริเริ่ม Transform to Net Zero ซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมและความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเรา การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนับเป็นความท้าทายที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนในยุคสมัยของเรา และเราก็เชื่อมั่นอย่างจริงจังว่าธุรกิจต่าง ๆ จำเป็นที่จะต้องยกระดับความร่วมมือเพื่อรับมือกับความท้าทายที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ โครงการความร่วมมือเช่นนี้จะช่วยกระตุ้นและเร่งการตอบสนองต่อปัญหาดังกล่าว พร้อมมอบคำแนะนำต่อการมีส่วนร่วมในอนาคตตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าผ่านความร่วมมือทางนวัตกรรมและโซลูชันที่จะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อไป”

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4