นายอิทธิพล กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี เพื่อพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมมาภิบาล โดยใช้เป็นกรอบจัดทำแผนต่างๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกันเพื่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่การปฏิบัติให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ดังนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนงานของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาประเทศ คือ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน” วธ. จึงจัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “แนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยในมิติวัฒนธรรม สู่การสร้างคุณค่า สร้างมูลค่า และสร้างชาติเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” ระหว่างวันที่ ๑๕ – ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. ณ ห้องบอลรูม ชั้น ๒ โรงแรม รามาดา บาย วินแดม แบงคอก เจ้าพระยาปาร์ค ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาประเทศในมิติวัฒนธรรมการจัดทำแผนงาน โครงการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงเพื่อถ่ายทอดนโยบายการขับเคลื่อนงานด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมในพื้นที่ของส่วนราชการและองค์การมหาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕
นายอิทธิพล กล่าวอีกว่า สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า ๓๐๐ คน ประกอบด้วย วัฒนธรรมจังหวัด อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมหรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบด้านการจัดทำแผน และผู้อำนวยการกลุ่มอำนวยการพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน หัวหน้ากลุ่มพิธี การศพที่ได้รับพระราชทาน โดยมี วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้บริหาร และผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม มาบรรยายให้ความรู้ นอกจากนี้ ยังมีการถอดบทเรียนการปฏิบัติงานพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน ตามพระบรมราโชบาย ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานด้วย
“การจัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “แนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยในมิติวัฒนธรรม สู่การสร้างคุณค่า สร้างมูลค่า และสร้างชาติเข้มแข็งอย่างยั่งยืนในครั้งนี้ จะทำให้การขับเคลื่อนงานในมิติวัฒนธรรม ทั้งด้านการสืบสานงานวัฒนธรรมของชาติ การรักษาและหวงแหนมรดกทางวัฒนธรรม การต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม ด้วยการนำคุณค่าของวัฒนธรรม สร้างสรรค์สินค้าและบริการมาสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการทางวัฒนธรรม และการปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยหลักธรรมาภิบาลในพื้นที่ มีความชัดเจน เป็นรูปธรรม ตอบตัวชี้วัดแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างพื้นที่ เพื่อถอดบทเรียนไปสู่การพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และประเทศชาติต่อไป” รมว.วธ. กล่าว