สำหรับกองทุนนี้มีกลยุทธ์การลงทุนแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 นำเงินต้นประมาณ 98% ของทรัพย์สินกองทุนไปลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากทั้งในและต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับลงทุนได้ขึ้นไป เมื่อครบกำหนดอายุกองทุนจะได้รับเงินลงทุนคืนพร้อมผลตอบแทนซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่ากับเงินต้น การลงทุนส่วนนี้มีความผันผวนต่ำช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนเงินต้นได้ โดยเบื้องต้นคาดว่าพอร์ตการลงทุนในส่วนนี้จะประกอบไปด้วย เงินฝากธนาคาร Doha Bank (DOHA) – กาตาร์, เงินฝากธนาคาร Ahli Bank (AHL) – กาตาร์, ตราสารหนี้ธนาคาร Al Khaliji Bank (ALK) – กาตาร์, ตราสารหนี้ธนาคาร The Commercial Bank (CBQ) – กาตาร์ ตราสารหนี้ธนาคาร Qatar National Bank (QNB) –กาตาร์ และตราสารหนี้ China Merchants Bank (CMB) – จีน ซึ่งกองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ส่วนที่ 2 ประมาณ 2% ของทรัพย์สินกองทุน จะนำไปลงทุนในสัญญาวอร์แรนต์ที่อิงกับผลตอบแทนของ ETF - SPDR Gold Shares จดทะเบียนและซื้อขายในสหรัฐอเมริกา เน้นสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องกับราคาทองคำ LBMA Gold Price PM ที่ได้รับการประเมินจาก London Bullion Market Association (LBMA) ผู้นำของโลกในการซื้อขายกำหนดมาตรฐานรูปแบบและแหล่งที่มาของโลหะรวมถึงทองคำ โดยสัญญาวอแรนต์ดังกล่าวมีลักษณะการจ่ายผลตอบแทนแบบ Shark fin ซึ่งเป็นส่วนสร้างผลตอบให้กับกองทุน โดยแบ่งการจ่ายผลตอบแทนเป็น 3 กรณี คือ กรณีที่ 1 จ่ายผลตอบแทน 60% ของผลตอบแทนของ ETF เมื่อ ETF ปรับตัวขึ้นระหว่าง 0 ถึง 15% กรณีที่ 2 จ่ายผลตอบแทนชดเชยประมาณ 0.25% เมื่อ ETF ปรับตัวขึ้นเกิน 15% ระหว่างอายุกองทุน และกรณีที่ 3 ไม่จ่ายผลตอบแทนหาก ETF ปรับตัวลงต่ำกว่าราคา ณ วันลงทุนเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน โดย ETF - SPDR Gold Shares มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย 15.87% ต่อปี ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 9.78% ต่อปี และย้อนหลัง1 ปีอยู่ที่ 24.99% ต่อปี (ที่มา Bloomberg ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562)
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่สามารถนำมาผสมไว้ในพอร์ตการลงทุนเพื่อเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้ เนื่องจากทองนั้นเป็นสินทรัพย์ที่มักจะทำได้ดีในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง หรือมีความกังวลด้านเศรษฐกิจอย่างเช่นในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องการแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบสอง แต่ก็ยังอยู่ในระยะทดสอบ โดยอาจจะใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะผ่านการอนุมัติให้ใช้งานจริง รวมถึงจำนวนผู้ป่วยที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายๆ ประเทศ จึงมองว่าความผันผวนระยะสั้นยังคงมีต่อไป ดังนั้นกองทุน SCBCR1YF ที่มีรูปแบบการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากราคาทองคำขาขึ้น พร้อมลดความเสี่ยงขาดทุนเงินต้นเมื่อทองคำปรับตัวลง จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจดีกว่าการลงทุนในทองคำโดยตรง
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง และควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนทำการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย หรือ https://scbam.link/CR1YF