สำหรับกองทุนนี้มีกลยุทธ์การลงทุนแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 นำเงินต้นประมาณ 98% ของทรัพย์สินกองทุนไปลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากทั้งในและต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับลงทุนได้ขึ้นไป เมื่อครบกำหนดอายุกองทุนจะได้รับเงินลงทุนคืนพร้อมโอกาสรับผลตอบแทนซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่ากับเงินต้น การลงทุนส่วนนี้มีความผันผวนต่ำช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนเงินต้นได้ ซึ่งกองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ส่วนที่ 2 ประมาณ 2% ของทรัพย์สินกองทุน จะนำไปลงทุนในสัญญาวอร์แรนต์ที่อิงกับผลตอบแทนของ MSCI Emerging Markets Index (USD) เน้นสร้างผลตอบแทนตามผลการดำเนินงานของตราสารทุนที่จดทะเบียนซื้อขายในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ผ่าน MSCI Emerging Markets Index (USD) ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งดัชนีประกอบด้วยหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่และขนาดกลางที่จดทะเบียนซื้อขายในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ จำนวน 26 ประเทศ ครอบคลุม 1,387 หุ้น หรือประมาณ 85% ของตลาดในแต่ละประเทศ โดยคำนวณแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (free float-adjusted market capitalization) สำหรับสัญญาวอแรนต์ดังกล่าวมีลักษณะการจ่ายผลตอบแทนแบบ Shark fin ซึ่งเป็นส่วนสร้างผลตอบให้กับกองทุน โดยแบ่งการจ่ายผลตอบแทนเป็น 3 กรณี คือ กรณีที่ 1 จ่ายผลตอบแทน 40% ของผลตอบแทนของดัชนี เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นระหว่าง 0 ถึง 15% กรณีที่ 2 จ่ายผลตอบแทนชดเชยประมาณ 0.25% เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นเกิน 15% ระหว่างอายุกองทุน และกรณีที่ 3 ไม่จ่ายผลตอบแทนหากดัชนีปรับตัวลงต่ำกว่าราคา ณ วันลงทุนเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน โดย MSCI Emerging Markets Index (USD) มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย -1.16% ต่อปี ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 10.54% ต่อปี ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 2.42% ต่อปี และย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 8.97% ต่อปี (ที่มา: MSCI Emerging Markets Index (USD) ณ Bloomberg ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า การลงทุนในหุ้นยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากนโยบายทางด้านการค้าของโจ ไบเดน คาดว่าจะผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะในทวีปเอเชีย เช่น จีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้ หลังจากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่ายังคงมีความเสี่ยงด้านความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงความผันผวนในกลุ่มประเทศอเมริกาใต้และยุโรปตะวันออกจากนโยบายป้องกันการแพร่ระบาดและราคาน้ำมันที่ยังมีความผันผวนสูงอยู่ ดังนั้นกองทุน SCBCR1YL ที่มีรูปแบบการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนตามผลการดำเนินงานของตราสารทุนที่จดทะเบียนซื้อขายในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ประกอบกับมีโอกาสได้รับผลตอบแทนชดเชยในระดับที่น่าสนใจหากตราสารทุนที่จดทะเบียนซื้อขายในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ปรับตัวขึ้นมากกว่าที่คาด จึงเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์การลงทุนในสภาวะเช่นนี้ได้เป็นอย่างดี
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง และควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนทำการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย หรือ https://scbam.link/e7600