นอกจากนี้ แสนสิริยังมีการวางแผนพัฒนาโครงการใหม่อย่างระมัดระวัง โดยในปีนี้วางแผนพัฒนาโครงการใหม่ไว้ทั้งหมด 24 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท พร้อมเป้ายอดขาย 26,000 ล้านบาท และเป้าโอน 27,000 ล้านบาท แสนสิริยังมีกลยุทธ์การพัฒนาโครงการใหม่ที่ไซส์ไม่ใหญ่ แต่กระจายในหลายทำเล เพื่อ Inventory ที่เหมาะสมและได้ cash กลับมาเร็ว รวมถึงแผนออกหุ้นกู้ที่เหมาะสมเพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพด้านการบริหารต้นทุนทางการเงินและดอกเบี้ยอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ โดยล่าสุดแสนสิริได้เตรียมออกเสนอขายหุ้นกู้เพื่อรองรับการขยายธุรกิจต่อเนื่องในปีนี้ จากความสำเร็จในการได้รับความเชื่อมั่นในการเป็น "แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน"
"ปีที่แล้ว นักลงทุนตอบรับหุ้นกู้ของแสนสิริเป็นอย่างดี จากการออกหุ้นกู้รวม 4,500 ล้านบาทตลอดทั้งปี แต่ oversubscribe ไปถึง 5,400 ล้านบาท การให้การตอบรับที่ดีและเสนอขายหมดเต็มจำนวนในระยะเวลาอันรวดเร็วมาโดยตลอด นับเป็นสัญญาณที่ดี สำหรับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาพรวมธุรกิจของบริษัทที่สร้างผลงานได้ดี รวมถึงหุ้นกู้แสนสิริที่ให้ดอกเบี้ยสูงและมั่นคง" นายเศรษฐา กล่าว
ทั้งนี้ แสนสิริเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุหุ้นกู้ 3 ปี 8 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.20% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณของ 100,000 บาท ให้แก่ ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน สำหรับหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2564 ได้รับความเชื่อมั่นจากถึง 8 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ซึ่งให้ความเชื่อมั่นในหุ้นกู้แสนสิริและให้การสนับสนุนเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย จากความน่าเชื่อถือขององค์กร ด้วยสภาพคล่องกว่า 15,000 ล้านบาทและความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ในระดับ BBB+ และด้วยแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจนในปี 2564
"เรามั่นใจว่าหุ้นกู้ของแสนสิริจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา แสนสิรินับเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา ด้วยแผนการดำเนินธุรกิจที่แข่งกับสภาพตลาด จนสามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น เทียบกับความท้าทายในการทำธุรกิจภายใต้สถานการณ์โควิดที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย สะท้อนผ่านอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ BBB+ จาก ทริสเรทติ้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2563 แสดงให้เห็นถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งทั้งในตลาดโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม มิกซ์โปรดักส์ และคอนโดมิเนียม รวมทั้งความแข็งแกร่งระยะยาวในอนาคต ด้วยยอดขายรอโอน (Backlog) (รวมโครงการร่วมทุนในคอนโดมิเนียม) มูลค่ารวมประมาณ 35,000 ล้านบาท" นายเศรษฐา กล่าว
ผู้สนใจลงทุนสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ตามรายละเอียดด้านล่าง และสามารถจองซื้อได้ระหว่างวันที่ 15 - 17 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ที่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333/ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111/ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 819/ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784/ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777/บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-165-5555/บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด โทร. 02-695-5000 และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
ที่มา: แสนสิริ