ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา กองทุนมีรายได้รวม 2,541.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.82% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 2,201.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.77% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีกำไรจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน 400.46 ล้านบาท ลดลง 90.23% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว 2,126.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.35% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
นายพรชลิต กล่าวว่า ทั้งปี 2563 กองทุนมีรายได้รวม 10,171.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.95% จากปี 2562 โดยมาจากรายได้ค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง 10,143.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.63% จากปี 2562 และจากดอกเบี้ยรับ 27.05 ล้านบาท ลดลง 39.30% จากปี 2562 ขณะที่รายได้จากการลงทุนสุทธิ ทั้งปี 2563 อยู่ที่ 8,600.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.85% จากปี 2562 กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน 500.44 ล้านบาท ลดลง 89.79% จากปี 2562 และมีการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน 9,100.69 ล้านบาท ลดลง 15.08% จากปี 2562
สำหรับ สินทรัพย์รวมของกองทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 มีจำนวน 104,752.50 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินลงทุนในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง 100,700.00 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนในทรัพย์สินเดิม 62,700.00 ล้านบาท และเงินลงทุนในทรัพย์สินส่วนเพิ่ม 38,000.00 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเงินลงทุนในหลักทรัพย์และเงินฝากธนาคาร 4,037.62 ล้านบาท และสินทรัพย์อื่น 14.88 ล้านบาท ขณะที่ หนี้สินรวมมีจำนวน 16,165.58 ล้านบาท สินทรัพย์สุทธิ (NAV) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เท่ากับ 88,586.92 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.0733 บาทต่อหน่วย
อนึ่ง JASIF ได้รับคัดเลือกจากหน่วยงาน ESG Rating ในกำกับของสถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เข้าอยู่ในยูนิเวอร์สของกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2563 โดยได้รับคัดเลือกติดต่อกันเป็นปีที่ 2 สะท้อนผลดำเนินงานของ JASIF ที่โดดเด่นในด้าน ESG ประกอบด้วย สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance)
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ที่มา: กองทุนบัวหลวง