"ทรีนีตี้" เชียร์กลยุทธ์ Mix & Match รับความผันผวนที่มากขึ้น

อังคาร ๐๑ มิถุนายน ๒๐๒๑ ๑๔:๓๑
"ทรีนีตี้" มองหุ้นเดือน มิ.ย.ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯและการประชุม FOMC มีอิทธิพลต่อการลงทุนหุ้นทั่วโลก หุ้นไทยให้กรอบดัชนีที่ระดับ 1,550-1,650 จุด แนะผสมผสานการลงทุนระหว่างกลุ่ม Global play เช่น ส่งออกและโลจิสติกส์ กลุ่ม Domestic play ที่ Laggard และกลุ่มโรงไฟฟ้า เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทิศทางการลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลกในเดือน มิ.ย.คือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (NFP) ประจำเดือน พ.ค. ซึ่งทางทรีนีตี้ประเมินว่า หากออกมาในระดับ 6.5 แสนตำแหน่ง หรือต่ำกว่า น่าจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการส่งสัญญาณ QE Tapering ออกไปในการประชุม วันที่ 15-16 มิ.ย.นี้ ในกรณีนี้ มีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัว Sideways up โดยมองกรอบแนวต้านสูงสุดของเดือนที่ 1,650 จุด ในทางกลับกันหากตัวเลข NFP ดังกล่าวออกมาสูงกว่า ที่ตลาดคาดอย่างมีนัยสำคัญ อาจทำให้นักลงทุนกังวลต่อการส่งสัญญาณ QE Tapering ของเฟด ก่อนกำหนดได้ ซึ่งในกรณีนี้ มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัว Sideways down โดยมองกรอบแนวรับลึกสุดของเดือนที่ 1,550 จุด

นายณัฐชาต กล่าวถึงธีมการลงทุนเดือน มิ.ย.แนะนำให้ลงทุนหุ้นแบบ Mix & Match เน้นกลุ่มหลัก คือ กลุ่ม Global play โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกและโลจิสติกส์ โดยหุ้นส่งออกแนะนำ กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ อาทิ HANA, KCE, SMT เพราะจะได้รับอานิสงส์จากธีมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 5G และรับอานิสงส์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับกลุ่มโลจิสติกส์ ยังคงเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากปริมาณการค้าขายระดับโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้ว่ามาร์จิ้นจะถูกกระทบจากค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูงแต่จะถูกชดเชยด้วยปริมาณวอลุ่มที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน มองตัวที่น่าสนใจได้แก่ LEO, SONIC, WICE

"ดัชนี Global manufacturing PMI ยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงคำสั่งซื้อทั่วโลก ที่ยังคงแข็งแกร่ง เป็นบวกต่อหุ้นส่งออกของไทย โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากนั้น ดัชนีค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการขนส่งสินค้าที่อยู่สูงต่อไป เป็นบวกกับหุ้นกลุ่มโลจิสติกส์" นายณัฐชาต กล่าว

ทั้งนี้ นอกจากกลุ่ม Global play แล้ว แนะนำเก็งกำไรไปยังกลุ่มหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic play) และหุ้นธีมเปิดเมือง (Reopening) ซึ่งราคาปรับตัวลงมาลึก จนมี Downside ในแง่ของ Valuation จำกัดแล้ว แนะนำ KBANK, BJC, CPN ,CRC และ MTC

นายณัฐชาต กล่าวว่า ในภาวะที่ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกจะเริ่มเข้ามามากขึ้นในเดือนนี้ อยากแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มหุ้นกลุ่ม Low beta อย่างโรงไฟฟ้าเข้ามาในพอร์ต เพื่อที่จะทำให้ความผันผวนของพอร์ตลดลง อีกทั้งไตรมาส 2 จะเป็นช่วง High season ของหุ้นกลุ่มนี้ พร้อมยังมีกำลังการผลิตใหม่ ๆ เข้ามา และไม่มีการปิดซ่อมบำรุงที่สำคัญ จึงคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 นี้จะสามารถเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มองหุ้นใหญ่ในกลุ่มที่น่าสนใจได้แก่ BGRIM, GPSC และหุ้นกลาง-เล็ก ที่น่าสนใจได้แก่ ACE, SSP, TPCH

ที่มา: ทรีนีตี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐:๕๙ ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ให้การต้อนรับอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ศรีปทุม
๒๐:๓๑ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
๒๐:๕๒ Vertiv เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ไมโครโมดูลาร์รุ่นใหม่ที่มี AI ในเอเชีย
๒๐:๐๙ พิธีขึ้นเสาเอก เปิดไซต์ก่อสร้าง โครงการ แนชเชอแรล ภูเก็ต ไพรเวท พูลวิลล่า บ้านเดี่ยวบนทำเลทองใจกลางย่านเชิงทะเล
๒๐:๔๖ เขตบางพลัดประสาน รฟท.-กทพ. ปรับภูมิทัศน์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวหน้าสถานีรถไฟบางบำหรุ
๒๐:๕๘ ร่วมแสดงความยินดีแก่อธิบดีกรมยุโรป ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์
๒๐:๐๓ กทม. เดินหน้าจัดกิจกรรมริมคลองโอ่งอ่าง ส่งเสริมอัตลักษณ์ กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว
๒๐:๔๙ พาราไดซ์ พาร์ค ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พาคุณไปสัมผัสการนวดเพื่อสุขภาพจาก 4 ภูมิภาคของไทย
๒๐:๒๔ Digital CEO รุ่นที่ 7 เรียนรู้เข้มข้นต่อเนื่อง จากวิทยากรชั้นนำของวงการ
๒๐:๒๔ เด็กไทย คว้ารางวัลระดับโลก โดรนไทย ชนะเลิศนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ทางด้านอากาศยานไร้คนขับ UAV ณ กรุงเจนีวา