นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูปและบริการหลังการขายภายใต้เครื่องหมายการค้า 'ตราเพชร' เปิดเผยว่า แม้ครึ่งปีแรกการแพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรงขึ้นส่งผลต่อบรรยากาศการซื้อสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม DRT ประสบความสำเร็จด้านการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยนำจุดแข็งด้านแบรนด์ 'ตราเพชร' ที่แข็งแกร่งและมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง ช่องทางการจำหน่ายที่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย และความสามารถด้านประสิทธิภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้น ช่วยส่งเสริมขีดความสามารถการแข่งขันและความได้เปรียบเชิงต้นทุนต่อหน่วย ช่วยผลักดันการเติบโตจากการดำเนินงานและทำให้ DRT เอาชนะความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้
ด้วยความสำเร็จครั้งนี้ ส่งผลให้ DRT สามารถตอกย้ำเป็นหุ้นปันผลที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นมาตลอด หลังจากประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน2564) เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือปันผลเพิ่มเป็น 0.22 บาทต่อหุ้น จากเดิม 0.20 บาทต่อหุ้น และกำหนดจ่าย
เงินปันผลเร็วขึ้นเป็นวันที่ 10 กันยายน 2564 หลังทำกำไรสุทธิครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 6.76% อยู่ที่ 374.50 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ และผลักดัน EPS หรือกำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 15.79% จาก 0.38 บาทต่อหุ้น เป็น 0.44 บาทต่อหุ้นตอกย้ำศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ DRT ที่แข็งแกร่ง
ขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานซึ่งมาจากรายได้จากการขายสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้น ทำให้ DRT มีความพร้อมด้านฐานเงินทุน เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดโควิด-19 หลังภาครัฐเพิ่มระดับมาตรการควบคุมโรคทั้งการจำกัดการเดินทาง การประกาศล็อกดาวน์ห้ามออกจากบ้านหลัง 21.00 - 04.00 น. หรือการเข้มงวดเคลื่อนย้ายแรงงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างที่กดดันบรรยากาศการซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม DRT พร้อมนำจุดแข็งทุกมิติเพื่อบริหารความเสี่ยงและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ที่เน้นรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรโดยเฉลี่ยให้อยู่ในเกณฑ์สูงและทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำแนวคิด 'สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง' เน้นสร้างการรับรู้ถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ 'ตราเพชร' ให้แก่ผู้บริโภค จึงมั่นใจว่าปีนี้จะผลักดันการเติบโต 5% ได้ตามแผนที่วางไว้
ที่มา: เอ็มที มัลติมีเดีย