กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) โดยจุดสนใจหลักจะอยู่ที่การสื่อสารจากเฟดวันที่ 15 ธันวาคม โดยกรุงศรีคาดว่าเฟดอาจพิจารณาเร่งลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ (QE Tapering) อีกเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ตลาดจะจับตาประมาณการอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเจ้าหน้าที่เฟด (Dot Plot) โดยแม้ว่าข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯออกมาตามคาดที่ 6.8% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่บ่งชี้ถึงอัตราการปรับตัวขึ้นของระดับราคาที่มากที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี และมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องถึงต้นปี 2565 ซึ่งกรุงศรีคาดว่าจะทำให้เฟดเร่งปรับนโยบายเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ดี ตลาดตอบรับการคาดการณ์ไปพอสมควร หากเฟดไม่แสดงท่าทีแข็งกร้าวจนเกินไป คาดว่าค่าเงินดอลลาร์อาจย่ำฐานก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสซึ่งปริมาณการซื้อขายในตลาดจะบางลง
นอกเหนือจากการประชุมธนาคารกลาง ในสัปดาห์นี้ ตลาดจะติดตามตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ การตอบโต้ของชาติตะวันตกต่อประเด็นรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในอังกฤษซึ่งรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
สำหรับปัจจัยในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับไปสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดได้ในไตรมาส 1/66 โดยย้ำว่าธปท.จะดูแลนโยบายการเงินให้เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ท่าทีดังกล่าวสนับสนุนมุมมองของกรุงศรีว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงนโยบายและประเมินสถานการณ์อย่างระมัดระวังในการประชุมวันที่ 22 ธันวาคม ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากไวรัสกลายพันธุ์
ที่มา: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา