นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำกลุ่มธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจปี 65 พร้อมเติบโตรับอานิสงส์นโยบายภาครัฐเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในงานโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและสาธารณูปโภค เพื่อวางรากฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้ง การขยายความเชี่ยวชาญไปยังอุตสาหกรรมที่เป็นเทรนด์การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ อาทิ การบริหารงานก่อสร้างในกลุ่มโรงพยาบาล ถือเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ในเมกะเทรนด์ที่มีการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อรองรับสังคมสูงวัยในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีงานที่อยู่ระหว่างควบคุมการก่อสร้าง ได้แก่ ศูนย์บริการตรวจและดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง อาคารนวมินทราชินี และอาคารคัคณางค์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย , ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมงานบริการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย , ศูนย์การเรียนรู้และวิจัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ , โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ บริษัท การแพทย์ สุขุมวิท 62 จำกัด
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่จะเริ่มก่อสร้างปี 65 โดย STI ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้บริหารงานก่อสร้าง ได้แก่ RSU International Hospital ของบริษัท อาร์เอสยู ฮอสพิทอล จำกัด , โรงพยาบาลน่าน มูลนิธิกสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ ศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มูลนิธิรามาธิบดี เป็นต้น ขณะที่ ในช่วงต้นปี 64 ที่ผ่านมา STI ได้ส่งมอบงานโรงพยาบาลเมดพาร์ค โรงพยาบาลชั้นนำแห่งภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ในเครือโรงพยาบาลมหาชัย จำกัด (มหาชน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยความเชี่ยวชาญของกลุ่ม STI ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมามีพอร์ตงานในมือหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ได้พึ่งพิงเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์แนวสูงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และมองว่าเป็นโอกาสให้กลุ่ม STI เข้าไปให้บริหารงานโครงการเพิ่มเติมในปีนี้ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรม โรงงาน คลังสินค้า ศูนย์ราชการ ท่าอากาศยาน และสนามกีฬา เป็นต้น รวมทั้ง การทยอยส่งมอบงานในมือที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สนับสนุนภาพรวมผลการดำเนินงานปี 65 เป็นอีกปีที่ STI สามารถเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ วางเป้ารายได้โตทะลุ 2,000 ล้านบาท
สำหรับงานในมือที่รอส่งมอบ (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่ราว 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐบาล 70% และเอกชน 30% อาทิ งานที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างโครงการสวนป่าเบญจกิติ ระยะที่ 2-3 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมส่งมอบงานเร็วๆ นี้ อีกทั้ง งานที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภา-เมืองการบิน เฟส1, โครงการศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา, โครงการก่อสร้างตกแต่งภายในอาคารที่ทำการใหม่ กระทรวงการคลัง, ที่ปรึกษาคุมงานโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ , โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสภาวิศวกร, โครงการ One Bangkok, โครงการก่อสร้างอาคารตลาดยิ่งเจริญ และโครงการออกแบบรายละเอียดงานโยธารถไฟความเร็วสูงไทยจีนช่วงที่ 2 นครราชสีมา - หนองคาย เป็นต้น ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เสริมแกร่งการรับรู้รายได้ต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
"ในปี 64 ที่ผ่านมา แม้จะเป็นปีที่ท้าทายในการบริหารควบคุมงานก่อสร้างภายใต้สถานการณ์โควิด กลุ่ม STI ก็ยังสามารถส่งมอบงานในมือและคว้างานใหม่มาเติมพอร์ตได้อย่างแข็งแกร่ง สำหรับปีนี้เราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกตั้งแต่ไตรมาส 4/64 ที่ผ่านมา รัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และเม็ดเงินจากการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงประเมินปริมาณงานที่จะออกมาประมูลในปี 65 ยังคงอยู่ในระดับสูง หลังจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลชะลอแผนการลงทุนออกไป สร้างความเชื่อมั่นภาคเอกชนเดินหน้าขยายการลงทุน โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ให้ STI เข้าไปมีส่วนร่วมในความสำเร็จ ลุยคว้างานใหญ่ต่อเนื่องได้ " นายสมเกียรติ กล่าว
ที่มา: ไออาร์ พลัส