"บล.พาย" มองสัปดาห์นี้ไม่มีปัจจัยโดดเด่น เน้น Domestic ที่ส่งผ่านต้นทุนได้ (M)

จันทร์ ๒๑ มีนาคม ๒๐๒๒ ๑๑:๐๒
บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ "Pi" "พาย" : วันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้น Dow Jones ปิดบวก 0.8% หลังจากที่การเจรจาระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐกับจีนมีปัจจัยบวกเกิดขึ้นเล็กน้อย โดยทางจีนระบุว่าทั้งจีนและสหรัฐต้องพยายามทำให้เกิดสันติภาพบนโลกใบนี้พร้อมเน้นย้ำถึงการเจรจาทางการทูตมากกว่าใช้ความรุนแรง ขณะที่ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาประธานาธิบดียูเครนออกมาระบุว่าขณะนี้ถึงเวลาหันหน้าเข้าหากันเพื่อเจรจา ทั้งนี้หากดูการตอบรับของตลาดจะพบว่าผ่อนคลายต่อเนื่องสะท้อนจาก (1) Vix Index ปรับตัวลงต่อเนื่องพร้อมกับราคาทองคำที่ปรับฐานต่อเนื่อง (2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั้ง 2 , 10 ปียังคงทรงตัวระดับสูงพร้อมกับราคาน้ำมันที่เริ่มนิ่งๆ ขณะเดียวกัน ศบค. ก็ได้ผ่อนคลายมาตรการในวันศุกร์ด้วยการปรับพื้นที่สีต่างๆบางจังหวัด ส่วนการเดินทางเข้าไทยกระทำได้ง่ายมากขึ้นด้วยการยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าไทย (ก่อนหน้าต้องตรวจก่อนมา) แต่เมื่อมาถึงต้องตรวจ RT-PCR จากนั้นวันที่ 5 ให้ตรวจ ATK ด้วยตนเองพร้อมแจ้งผลผ่านแอพฯ มองเป็นบวกอ่อนๆต่อกลุ่มท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA)
บล.พาย มองสัปดาห์นี้ไม่มีปัจจัยโดดเด่น เน้น Domestic ที่ส่งผ่านต้นทุนได้ (M)

ปัจจัยสัปดาห์นี้
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศจะค่อนข้างเงียบๆไม่มีตัวเลขใดๆโดดเด่น แต่ประเทศไทยจะมีการรายงานการค้าระหว่างประเทศของเดือน ก.พ. ในวันที่ 23 มี.ค. Bloomberg คาดว่ามูลค่าส่งออกจะขยายตัว 10%YoY และนำเข้าขยายตัว 19%YoY หากตัวเลขออกมาดีกว่าคาดก็จะเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนได้ (2) สถานการณ์ยูเครน - รัสเซีย ต้องติดตามว่าจะมีพัฒนาการเชิงบวกออกมาหรือไม่หลังหลายประเทศเห็นว่าควรใช้การเจรจามากกว่าใช้ความรุนแรง ซึ่งหากมีปัจจัยบวกออกมาก็เชื่อตลาดหุ้นทั่วโลกจะตอบรับเชิงบวก โดยเฉพาะการประชุม NATO ในวันที่ 24 มี.ค. (3) ประชุม ครม. วันอังคาร เบื้องต้นมีรายงานออกมาว่ารัฐบาลจะออกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน ดังนั้นจากปัจจัยทั้งหมดจะค่อนข้างทรงตัวประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1655 - 1690

กลยุทธ์การลงทุน
กลุ่ม Domestic หรือหุ้นอิงภายในประเทศยังมองเป็นกลุ่มน่าสนใจเพราะผลกระทบจากปัจจัยรบกวนภายนอกประเทศมีจำกัด แต่ควรพิจารณาหุ้นที่มีความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนออกไป อาทิ (BJC CPALL HMPRO GLOBAL) ร้านอาหาร (M) เครื่องดื่ม (CBG OSP TACC) โดยยังคงเน้นการเพิ่มการถือครองเงินสดมากขึ้น

M (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 61 บาท) เชื่อว่าบริษัทมีความสามารถพอในการส่งผ่านต้นทุนออกไปสะท้อนจากกำไรขั้นต้นที่ค่อนข้างโดดเด่นในอดีตที่ผ่านมาย้อนหลัง 7 ปี ขณะที่ราคาหุ้นยังค่อนข้าง Laggard และอยู่บนเส้นทางการฟื้นตัว

TACC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 9.5 บาท) แนวโน้มปี 22 คาดได้รับผลดีต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของ 7-11 และการเข้าไปขายในโลตัสได้เพิ่ม เช่นเดียวกับธุรกิจ Character ที่ประเมินว่าลูกค้าจะกลับมาทำการตลาดมากขึ้นหลังชะลอไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ที่มา: บางกอก ออทัม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๐๑ ALLY ผนึก Mural ลงทุนซื้อหุ้นสมาคมมวยปล้ำสเปน หวังผลักดันมวยปล้ำสเปนขึ้นแท่นลีกหลักในยุโรปและลาตินอเมริกา
๑๖:๓๙ โอกาสจองซื้อหุ้นกู้บริษัทชั้นนำ ช.การช่าง เสนอขายช่วงวันที่ 25 - 29 เมษายน 2567 ชูผลตอบแทน 3.40 - 4.10% ต่อปี อันดับความน่าเชื่อถือ A- ติดต่อผ่าน ธ.กรุงเทพ และ ธ.กรุงไทย
๑๖:๕๔ บางจากฯ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาเยาวชนในทักษะแห่งอนาคต ผ่านโครงการ SI Sphere: Sustainable Intelligence-based Society Sphere โดย UN Global Compact Network
๑๕:๑๓ เปิดไลน์อัพ 10 ศิลปินหน้าใหม่มาแรงแห่งปีจาก Spotify RADAR Thailand 2024
๑๕:๐๘ อาร์เอส กรุ๊ป เดินหน้ากลยุทธ์ Star Commerce ยกทัพศิลปิน-ดารา เป็นเจ้าของแบรนด์ และดันยอดขายด้วย Affiliate Marketing ประเดิมส่งศิลปินตัวแม่ ใบเตย อาร์สยาม
๑๕:๒๐ กสิกรไทยผนึกกำลังเจพีมอร์แกน เปิดตัวโปรเจกต์คารินา ดึงศักยภาพบล็อกเชน ลดระยะเวลาธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ
๑๕:๐๖ สเก็ตเชอร์ส จัดกิจกรรม SKECHERS PICKLEBALL WORKSHOP ส่งเสริมสุขภาพและขยายคอมมูนิตี้กีฬา Pickleball ในไทย
๑๕:๕๖ SHIELD จับมือแอสเซนด์ มันนี่ และ Money20/20 Asia จัดกิจกรรมระดมเงินบริจาคแก่มูลนิธิรามาธิบดี
๑๕:๔๓ 'ASW' เตรียมโอนกรรมสิทธิ์ 4 คอนโดฯ ใหม่ ไตรมาส 2 ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และภูเก็ตมูลค่ารวมกว่า 6,600 ล้านบาท
๑๕:๔๑ โก โฮลเซลล์ สนับสนุนเกษตรกรไทย ปูพรมจำหน่ายผลไม้ฤดูกาล สดจากสวนส่งตรงถึงมือคุณ