7 เมษายน วันอนามัยโลก N Health เผย 5 เทรนด์วิทยาศาสตร์และเทคนิคการแพทย์ จุดเปลี่ยนวิถีดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่

พฤหัส ๐๗ เมษายน ๒๐๒๒ ๐๙:๐๘
7 เมษายน ของทุกปี องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้เป็นวันอนามัยโลก (World Health Day) เป็นหมุดหมายที่สำคัญในการรณรงค์ด้านสุขภาพของคนทั่วโลก ทั้งในแง่การควบคุม ป้องกัน แก้ปัญหา และส่งเสริม ให้เกิดความทั่วถึง อย่างถ้วนหน้าและเท่าเทียมกัน ในปี 2565 นี้มีการกำหนดหัวข้อรณรงค์ไว้ว่า Our planet, our health สืบเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 และสถานการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้เห็นว่าจริง ๆ แล้ว ผลกระทบทางด้านสุขภาพที่พลเมืองโลกต้องเผชิญนั้นไม่ได้เป็นปัญหาของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่เราต่างต้องเผชิญร่วมกัน มีผลกระทบต่อเนื่องกันอย่างเลี่ยงไม่ได้แม้อยู่คนละซีกโลก รวมทั้งทำให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์และเทคนิคการแพทย์ คือพลังสำคัญในการต่อสู้กับช่วงเวลาที่แสนยากลำบากนี้
7 เมษายน วันอนามัยโลก N Health เผย 5 เทรนด์วิทยาศาสตร์และเทคนิคการแพทย์ จุดเปลี่ยนวิถีดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่

ท่ามกลางภัยคุกคามต่อสุขภาพ บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ หรือ N Health ได้ทำหน้าที่สนับสนุนการทำงานด้านสาธารณสุขมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ บริการบริหารจัดการต่าง ๆ ในซัปพลายเชน ไม่ว่าจะเป็น วิศวกรรมทางการแพทย์ เครื่องมือและเวชภัณฑ์ เป็นต้น จึงเล็งเห็นว่าวิทยาศาสตร์และเทคนิคการแพทย์ จะเป็นจุดเปลี่ยนวิถีดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่ที่สำคัญอย่างยิ่งใน พ.ศ. นี้

นางสาวณัฏฐา จันทร์เปล่งแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ (N Health) กล่าวว่า "ปัจจุบันประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพที่หลากหลายอยู่แล้ว แต่จากนี้ทางเลือกเหล่านั้นจะเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น การดูแลสุขภาพจะมีความเป็น Consumer Centric มากขึ้น ประชาชนจะมองการดูแลสุขภาพเป็นองค์รวม และมีความเฉพาะเจาะจงตามแต่ละบุคคลมากขึ้น หรือที่เรียกว่า Personalization วิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุภาพจะไม่มีเฉพาะแพทย์หรือพยาบาล แต่จะมีวิชาชีพที่เข้ามาสนับสนุนมากขึ้น ไม่ว่าจะนักโภชนาการ เทรนเนอร์ นักกายภาพบำบัด นักบำบัดในสาขาต่าง ๆ นักเทคนิคการแพทย์เป็นต้น ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในการตรวจสุขภาพทางห้องปฏิบัติการจะทวีความสำคัญยิ่งขึ้น ให้ประชาชนรู้พยาธิสภาพของร่างกายก่อนเลือกการดูแล รักษา หรือบำบัด"

ทาง N Health คาดการณ์ว่าวิทยาศาสตร์และเทคนิคการแพทย์ ที่กำลังมีอิทธิพลต่อการดูแลสุขภาพของประชาชน มี 5 เทรนด์ที่สำคัญ ดังนี้

  1. Know Your DNA การตรวจ DNA จะกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นเสมือนการถอดรหัสชีวิต ที่จะบอกว่าพื้นฐานร่างกายของแต่ละคนเป็นอย่างไร มีความสามารถในการรับมือกับผลกระทบต่าง ๆ ได้มากน้อยแค่ไหน เช่น ความทนทานของกล้ามเนื้อในการออกกำลังกาย ความไวต่อแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เป็นต้น ตลอดจนรู้ถึงศักยภาพแฝง เช่น อัจฉริยภาพทางด้านภาษา ดนตรี หรือศิลปะ
  2. Dig Deep to The Micro เมื่อก่อนการตรวจสารอาหารในร่างกายทำได้ยาก แต่ตอนนี้สามารถตรวจสารอาหารต่าง ๆ ในร่างกายที่ลึกลงและเล็กลงถึงระดับไมโครได้ เราจึงสามารถเลือกรับประทานอาหารและอาหารเสริมได้อย่างเหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไปจนเป็นอันตราย
  3. Turn Down All Risks การตรวจความเสี่ยงต่อมะเร็ง การตรวจหาสารตกค้าง จะกลายเป็นเรื่องปกติและสามารถทำได้ต่อเนื่อง ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างและความจำเป็นที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงไม่เหมือนกัน การมอนิเตอร์ความเสี่ยงเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ประชาชนสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการดูแลสุขภาพให้เหมาะสมได้ตามสภาวะและสถานการณ์ของชีวิต
    สามข้อแรกนี้จะเห็นได้ชัดว่าเป็นเทรนด์ที่มีความเกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าทางวิทยาการทางสุขภาพ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเทรนด์ในด้านการบริการและความเข้าถึงวิทยาการดังกล่าว
  4. Laboratory for Daily Lifestyle การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ จะกลายเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น ราวกับไปเดินห้างหรือเข้าคาเฟ่ ผู้ให้บริการจะหันมาให้ความสำคัญในการบริการมากขึ้น ไม่เพียงแต่เป็นการมาเจาะเลือดหรือตรวจปัสสาวะเท่านั้น แต่ห้องปฏิบัติการจะกลายเป็นสถานที่ที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ของผู้คนมากขึ้น เช่น การมี Co-working Space หรือ Coffee Bar ตลอดจนการมีการเวิร์กช้อปเกี่ยวกับสุขภาพ หรือเกิดการสร้างคอมมูนิตี้ด้านสุขภาพมากขึ้น
  5. Self-Health Planning แผนการดูแลสุขภาพจะมีความเป็นปัจเจกมากขึ้น มีทั้งเครื่องมือที่สามารถใช้ตรวจได้เอง ยกตัวอย่าง ATK ที่สามารถตรวจโควิด-19 ได้เอง มีทั้งการตรวจสุขภาพแบบมอนิเตอร์ตัวเอง เพื่อเลือกการกินอาหารเสริมหรือออกกำลังกายที่เหมาะสม หรือลดละเลิกพฤติกรรมบางอย่าง หรือเช็กว่ามีความจำเป็นที่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์หรือยัง

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเทรนด์การดูแลสุขภาพจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด เป้าหมายที่สำคัญก็คือการมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่แข็งแรง ห่างไกลจากภาวะความเจ็บป่วย สามารถดำเนินชีวิตไปข้างหน้าได้ตามปกติได้ในทุก ๆ วัน อย่างยืนยาว เพื่อเติมเต็มความหมายและดื่มด่ำกับการมีชีวิตได้อย่างไร้กังวล

ที่มา: เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์

7 เมษายน วันอนามัยโลก N Health เผย 5 เทรนด์วิทยาศาสตร์และเทคนิคการแพทย์ จุดเปลี่ยนวิถีดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4