AWC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิตามงบการเงิน 645 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 200 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

พฤหัส ๑๒ พฤษภาคม ๒๐๒๒ ๐๙:๑๖
AWC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิตามงบการเงิน 645 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 200 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มั่นใจกลุ่มธุรกิจในเครือแข็งแกร่งและสามารถกลับมาแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพในปี 2565 รับมาตรการเปิดประเทศของรัฐบาล
AWC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิตามงบการเงิน 645 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 200 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวมตามงบการเงิน 2,782 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 151 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นกำไรสุทธิตามงบการเงิน 645 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 200 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 1/2565 ของบริษัทมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะยังคงมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนระดับที่สูงในช่วงต้นปี แต่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าการแพร่ระบาดครั้งก่อนหน้านี้ เนื่องจากสายพันธุ์ดังกล่าวมีอาการที่น้อยกว่า และประชาชนได้รับวัคซีนในอัตราที่สูง จึงทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ประกอบกับผลดี จากนโยบายการเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศที่มีแนวโน้มพัฒนาไปในทิศทาง ที่ดียิ่งขึ้นนับตั้งแต่เกิดการระบาด ส่งผลให้ทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทมีการฟื้นตัวและเติบโตขึ้นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที และสร้างความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็วภายในปีนี้และก้าวกระโดดต่อไปในอนาคต

"ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2565 ถือเป็นไตรมาสแรกของปีที่มีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มต้นการแพร่ระบาดของ COVID-19 ชี้ให้เห็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจในภาพรวมที่กลับมาฟื้นตัว ซึ่งทาง AWC มั่นใจว่ากลุ่มธุรกิจต่างๆ ในเครือจะสามารถกลับมาแข่งขันและดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งปี 2565 นี้" นางวัลลภา กล่าว

โดยบริษัทมีกำไรสุทธิจากผลประกอบการโดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการดำเนินงานของทรัพย์สินคุณภาพของบริษัทที่ตอบรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวหลังเริ่มมีการเปิดประเทศ

ทั้งนี้ รายได้รวมของบริษัทในไตรมาสดังกล่าว เพิ่มขึ้นจากอัตราการเข้าพักในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการในตลาด High-to-Luxury ที่ถือเป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัทมีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน โดยพบว่าโรงแรมของกลุ่มบริษัทมีค่าผลการดำเนินงานเทียบกับโรงแรมคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยโรงแรมที่มีค่า RGI (Revenue Generating Index) สูงสุดอยู่ที่ 245.9 รวมถึงการกลับมาฟื้นตัวของกลุ่มโรงแรมสำหรับประชุมสัมมนา (MICE) ซึ่งได้รับอานิสงส์จากนโยบายการเปิดประเทศ และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของทางภาครัฐ ส่วนในกลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ เนื่องจากธุรกิจเริ่มฟื้นกลับตัว ทำให้มีจำนวนของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงต้นปีมีหลากหลายเทศกาลสำคัญที่ช่วยหนุนให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น

ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน มีจำนวนผู้เช่ารายใหม่เข้ามาทำสัญญาการเช่าพื้นที่สำนักงาน บนทำเลที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นในมาตรฐานการให้บริการ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ รวมถึงปัจจัยด้านมาตรการกำกับดูแลสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาคารสำนักงานเกรด A และ A- ของทางบริษัทที่ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ตอกย้ำถึงกลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตทรัพย์สินของบริษัท (Well-Diversified) ซึ่งทำให้ AWC สามารถลดความผันผวนของระดับรายได้ และยังคงมีผลการดำเนินงานที่มั่นคงและแข็งแรง นอกจากนี้บริษัทมีโปรแกรม AWC Infinite Lifestyle เชื่อมโยงการให้บริการของทุกกลุ่มธุรกิจผ่านทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างประสบการณ์การและความ พึงพอใจสูงสุดให้แก่ผู้มาใช้บริการ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างฐานลูกค้าและเพิ่มแรงจูงใจในการเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสะดวกรวดเร็วไร้รอยต่อ สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

ตลอดช่วงวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วงเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทยังคงเดินหน้าปรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานต่างๆ เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ร่วมสร้างคุณค่าในระยะยาว และเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยในปี 2565 ทางบริษัทเริ่มต้นแผนการดำเนินงานด้วยการเปิดโครงการเดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแห่งใหม่ริมสายน้ำเจ้าพระยาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พร้อมด้วยแผนการผลักดันเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวระดับลักชัวรี่ของภูมิภาค ด้วยการเปิดโรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ โรงแรมจากเครือมีเลีย แห่งแรกของภาคเหนือ ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

AWC มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพเพื่อเสริมศักยภาพและเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า รวมถึงการพัฒนาให้เป็นทรัพย์สินที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้แข็งแกร่ง สะท้อนถึงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์การดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร ระดับโลก ในการสร้างคุณค่าในระยะยาวร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อช่วยยกระดับการแข่งขันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริการ รวมถึงกลุ่มธุรกิอสังหาริมทรัพย์ของไทยให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล ภายใต้พันธกิจ "สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า" ไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

เกี่ยวกับบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท Holding Company ภายใต้กลุ่มทีซีซี (TCC Group) ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) ซึ่งบริหารงานโดยผู้บริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์คุณภาพและมีมาตรฐานในระดับสากล อาทิ แมริออท, เดอะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล, โอกุระ,บันยันทรี, ฮิลตัน และเชอราตัน และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail, Wholesale and Commercial) ซึ่งครอบคลุมโครงการในกลุ่ม 1) อสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า (Retail and Wholesale) ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ชอปปิงมอลล์ คอมมูนิตี้ มาร์เก็ต และอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าส่ง โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้ามีโครงการที่มีชื่อเสียงคือ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โครงการเกทเวย์ แอท บางซื่อ โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ และโครงการตะวันนา บางกะปิ 2) อาคารสำนักงาน (Office) โดยโครงการที่โดดเด่นในเครือ AWC คือ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ และอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทางธุรกิจที่มีศักยภาพในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ

ที่มา: แอสเสท เวิรด์ คอร์ป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๕๓ เซ็นทารา เปิดตัว โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ โรงแรมไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ใจกลางเมือง พร้อมอิสระแห่งการเดินทาง
๑๐:๐๙ THE GAIN ยกขบวนวิทยากรระดับประเทศ มุ่งสู่งานสัมมนา การเทรดและลงทุนปี 2024
๑๐:๒๗ W เผย IFA หนุนเพิ่มทุน 2.5 พันล้านหุ้นขาย PP รับแผนเข้าถือหุ้นฟรุตต้าฯ 51% พร้อมปลดล็อก CBC
๑๐:๓๐ ผถห.TFG โหวตหนุนแจก TFG-W4 ฟรี! อัตรา 10 : 1 ราคาใช้สิทธิ 3.80 บ.พร้อมจ่ายปันผลเงินสด 0.01 บ./หุ้น ปักธงปี 67 รายได้โต 10%
๑๐:๑๙ ASIA เตรียมขายหุ้นกู้มีหลักประกัน มูลค่า 300 ลบ. อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 7 - 7.20% มูลค่าหลักประกันเฉียด 1,600 ลบ. คาดเปิดจองซื้อวันที่ 27 - 29 พ.ค.
๑๐:๓๘ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ประกาศรวมอัตลักษณ์องค์กรในระดับโลก ด้วยการรีแบรนด์ เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป เป็น ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรป แอนด์
๑๐:๕๔ ยูนิโคล่ร่วมกับมารีเมกโกะ เปิดตัว UNIQLO x Marimekko คอลเลคชันลิมิเต็ดเอดิชันประจำฤดูร้อน 2024 เติมเต็มความสดใสให้ซัมเมอร์ ในธีม Joyful Summer
๑๐:๔๒ TERA ฟอร์มเจ๋ง! เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 122.86% ลุยให้บริการ T.Cloud รับอนาคตธุรกิจคึกคัก ปักหมุดผลงาน 3 ปีเติบโตเฉลี่ยเกิน
๑๐:๐๙ โบรกฯ แสกน GFC ส่งซิก Q1/67 พุ่ง
๑๐:๐๐ ผถห. WINMED ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.0295 บ./หุ้น-รับเงิน 21 พ.ค.นี้ รุกตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูก เพิ่มรายได้ประจำผถห. ตั้งเป้ารายได้ปี 67 โตเกิน 20%