นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ดิฉันรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ของเรา ได้รับรางวัล SET Awards ถึง 3 รางวัลด้วยกัน ทั้งในกลุ่ม Sustainability Excellence และกลุ่ม Business Excellence" พร้อมเสริมว่า "รางวัลทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นขององค์กรของเรา ที่ตั้งเป้าที่จะพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนและยึดหลักการดำเนินธุรกิจอย่างสมดุล ดิฉันขอขอบคุณผู้บริหารและพนักงานทุกท่านที่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน เพื่อนำพาองค์กรของเราให้ก้าวไปสู่การพัฒนาและการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป"
ทั้งนี้ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้นำนโยบายความยั่งยืนมาใช้กับธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มของบริษัทฯ อันได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลแพลตฟอร์ม โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการก้าวไปสู่การเป็น Tech Company ในปี 2024 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ดำเนินงานหลากหลายโครงการเพื่อให้เกิดการเติบโตทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเงิน รวมไปถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปได้ดำเนินการโครงการด้านสิ่งแวดล้อมที่โดดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Clean Water for Planet ที่ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2559 โดยมุ่งสร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของทรัพยากรน้ำ ตลอดจนถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกต่อส่วนรวมให้ชุมชนต่างๆ ได้เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการก่อสร้าง และส่งมอบระบบบำบัดน้ำเสียให้กับชุมชนต่างๆ เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำในลำคลองโดยใช้ระบบบำบัดน้ำเสียแบบบึงประดิษฐ์ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อันเป็นระบบบำบัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ส่งมอบระบบบำบัดน้ำเสียให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลปลวกแดง จังหวัดระยอง รวมทั้งยังได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียแบบบึงประดิษฐ์ให้แก่เทศบาลตำบลหนองคล้า จังหวัดจันทบุรี
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังผลิตจากโครงการ Reclamation Water Project หรือการนำน้ำเสียที่บำบัดแล้วมากลับใช้ใหม่จาก 30,200 ลูกบาศก์เมตร เป็น 60,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และการระบายน้ำทิ้งลงลำรางสาธารณะได้ถึง 6.9 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อความมั่นคงด้านแหล่งน้ำในระยะยาว และยังสามารถปรับเป็นน้ำปราศจากแร่ธาตุหรือน้ำคุณภาพสูงสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรมภายในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯ ได้อีกด้วย
พลังงานสะอาดยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญ ซึ่งรวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยการพัฒนาโครงการโซลาร์รูฟท็อป และการผลิตพลังงานจากขยะอุตสาหกรรม ได้แก่ โรงไฟฟ้าชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ โดยปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์สูงถึง 150 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าถึง 300 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปี 2566 ทั้งนี้ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2564 ที่ผ่านมา และมีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 จากการที่บริษัทฯ มีส่วนร่วมพัฒนาแพลตฟอร์ม Renewable Energy Exchange (RENEX) ซึ่งเป็นระบบซื้อขายพลังงานแบบ Peer-to-Peer ด้วยเทคโนโลยี Blockchain กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท เซอร์ทิส จำกัด ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 4.3 ล้านตัน ภายในช่วง Life Cycle ของโครงการ
นอกจากนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังเป็นผู้ริเริ่มโครงการเพื่อชุมชนต่าง ๆ ทั้งในด้านการช่วยเหลือสังคม การศึกษา เยาวชนและการกีฬา สุขภาพ การพัฒนาบุคลากร และการสร้างเสริมศักยภาพของชุมชนอีกมากมาย โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติและหลักการ ESG อันทำให้ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังติดอันดับหุ้นยั่งยืน หรือ THSI (Thailand Sustainability Investment) ประจำปี 2565 ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 อีกด้วย
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์