สำหรับสถานการณ์ในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับรายงานประชุมเฟดเมื่อวันที่ 1-2 พ.ย. ก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าซึ่งปริมาณธุรกรรมอาจซึมลง ทางด้านอังกฤษประกาศแผนงบประมาณขนาด 5.5 หมื่นล้านปอนด์ต่อปีเพื่อแก้ไขสถานะทางการเงินของรัฐบาลอังกฤษ โดยแผนดังกล่าวรวมถึงการปรับขึ้นภาษีและการปรับลดงบรายจ่ายของรัฐบาลในอนาคต อนึ่ง เรามองว่าแผนรัดเข็มขัดทางการคลังที่ล่าช้าออกไปหลังการเลือกตั้งสร้างความไม่แน่นอนในทางปฎิบัติขณะที่อังกฤษเป็นเพียงประเทศเดียวในกลุ่มเศรษฐกิจอุตสาหกรรมชั้นนำที่ยังคงมีขนาดเศรษฐกิจต่ำกว่าในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด ส่วนอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 41 ปีที่ 11.1% ในเดือนต.ค. ทั้งหมดนี้จะเป็นประเด็นกดดันค่าเงินปอนด์ในระยะข้างหน้า
สำหรับปัจจัยในประเทศ จีดีพีไตรมาส 3/2565 เติบโต 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามความคาดหมายของตลาด ขณะที่สภาพัฒน์คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.2% และ 3-4% ในปี 2565 และ 2566 ตามลำดับ ทางด้านธปท.ให้ความเห็นว่าจะไม่ดำเนินนโยบายการเงินที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด สนับสนุนมุมมองของเราที่ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะขึ้นดอกเบี้ย 25bp สู่ 1.25% ในการประชุมวันที่ 30 พ.ย. นี้ โดยธปท.ประเมินว่าเงินบาทในขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่รับได้และยังไม่กระทบภาพรวมเศรษฐกิจ ขณะที่เราคาดว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจะยังคงผันผวนต่อเนื่อง
ที่มา: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา