กรุงศรีรายงานผลกำไรสุทธิปี 2565 จำนวน 30.71 พันล้านบาท เติบโต 20% รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาระการตั้งสำรองลดลง

ศุกร์ ๒๐ มกราคม ๒๐๒๓ ๐๙:๐๕
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เผยผลประกอบการของปี 2565 มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติจำนวน 30,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนหน้า สนับสนุนโดยการลดลงของภาระการตั้งสำรอง และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ตามการเติบโตของสินเชื่อในกลุ่มที่มีอัตราผลตอบแทนสูงและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวดีขึ้น
กรุงศรีรายงานผลกำไรสุทธิปี 2565 จำนวน 30.71 พันล้านบาท เติบโต 20% รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาระการตั้งสำรองลดลง

เงินให้สินเชื่อของกรุงศรีเติบโตอย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าในปี 2565 โดยสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 3.8% และ 5.3% ตามลำดับ สะท้อนการปรับตัวดีขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการลงทุนภาคเอกชน ที่ช่วยกระตุ้นความต้องการเงินทุนหมุนเวียนและสภาพคล่องของภาคธุรกิจ กอปรกับการบริหารจัดการโครงสร้างทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพของธนาคาร ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มสูงขึ้น

สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับปี 2565:

  • กำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติในปี 2565 จำนวน 30,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.9% หรือ 5,104 ล้านบาท จากปี 2564 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการปรับตัวดีขึ้นของภาระการตั้งสำรองและการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อ และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นในระหว่างปี
    หากรวมรายการพิเศษจากการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นของ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (เงินติดล้อ) ในปี 2564 กำไรสุทธิลดลง 9.1% หรือจำนวน 3,081 ล้านบาท
  • เงินให้สินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 3.1% หรือจำนวน 59,033 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคมปี 2564 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมขยายตัว 3.8% และ 5.3% ตามลำดับ
  • เงินรับฝาก เพิ่มขึ้น 1.4% หรือจำนวน 25,553 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคมปี 2564 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์
  • ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 3.45% จาก 3.24% ในปี 2564 โดยเป็นผลมาจากการปรับตัวดีขึ้นของอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ ขณะที่ต้นทุนทางการเงินคงที่
  • รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากการดำเนินงานตามปกติ ลดลง 4.6% หรือ 1,561 ล้านบาท จากปี 2564 หากรวมรายการพิเศษจากการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นของเงินติดล้อในปี 2564 รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 12,288 ล้านบาท หรือ 27.4%
  • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 43.8% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานตามปกติ (หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายหุ้นเงินติดล้อ) ที่ 43.2% ในปี 2564
  • อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่ 2.32% เมื่อเทียบกับ 2.20% ณ สิ้นปี 2564 กรุงศรียังคงบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยความรอบคอบระมัดระวัง โดยมีสัดส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมในระดับ 136 เบสิสพอยท์ในปี 2565
  • อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 167.4%
  • อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ของธนาคาร) อยู่ที่ 17.97% ลดลงจาก 18.53% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "จากความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคธุรกิจ กรุงศรีสามารถส่งมอบกำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2565 โดยเงินให้สินเชื่อรวมเติบโตอย่างทั่วถึงและครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าธุรกิจและรายย่อย ทั้งนี้ ธนาคารยังคงดำเนินกลยุทธ์การขยายธุรกิจและบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยความรอบคอบระมัดระวัง"

"สำหรับในปี 2566 แม้ว่าหลายตัวแปรทางความเสี่ยง อาทิ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะยังคงเป็นแรงสนับสนุนหลักที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องจากปี 2565 และบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ กรุงศรีคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ในอัตรา 3.6% ในปี 2566"

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทยจากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินรับฝาก และเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.95 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.80 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.64 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 300.70 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 17.97% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 13.23%

ที่มา: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4