การเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้บริโภคจะช่วยก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจและการสร้างบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่ตรงต่อความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้า อันนำมาซึ่งรายได้ของผู้ให้บริการนั้นเอง
ในปัจจุบัน บริษัทห้างร้าน องค์กรต่างๆ สามารถรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลมาทำให้เกิดประโยชน์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การใช้ข้อมูลประเภทนี้อย่างถูกวิธีจะช่วยสร้างรายได้และผลกำไรอันน่าทึ่ง
รายงานใหม่จากอีริคสัน คอนซูเมอร์แล็บ (Ericsson ConsumerLab) แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักว่าข้อมูลของตนได้ถูกเปิดเผยในลักษณะใด และไม่เห็นความสำคัญของการเปิดเผยข้อมูลจำนวนมากต่อสาธารณะ หากไม่มีการระบุชื่อที่เกี่ยวข้อง
แต่ผู้บริโภคเข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าของข้อมูลของพวกเขาหรือไม่? พวกเขาเข้าใจหรือไม่ ถึงผลกระทบและความอ่อนไหวที่เกี่ยวข้องจากการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้มากขึ้น โดยองค์กรภาคธุรกิจ ภาครัฐ และผู้บริโภคทั่วไป? ดังนั้นจุดประสงค์หลักของรายงานเรื่อง “เศรษฐกิจของข้อมูลส่วนบุคคล” โดย คอนซู-เมอร์แล็บ จึงได้ให้คำอธิบายถึงความเข้าใจ ความจำเป็น พฤติกรรม และทัศนคติของผู้บริโภค ที่มีต่อแนวคิดที่ว่า ข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่าสำหรับพวกเขา
สรุปใจความสำคัญ
Ericsson ConsumerLab รายงานว่า ผู้บริโภคมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ตระหนักถึงว่าข้อมูลของพวกเขาถูกรวบรวมและนำไปใช้ในเชิงธุรกิจ แต่ผู้บริโภคยังขาดความเข้าใจอย่างชัดเจนในเหตุผลและกระบวนการในการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้
ผู้บริโภคจำนวนมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ อนุญาตให้บริษัทห้างร้านสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนเองได้ หากพวกเขาจะได้รับข้อเสนอที่ตรงต่อความต้องการมากยิ่งขึ้นเป็นการตอบแทน เพื่อปรับปรุงบริการเดิมและพัฒนาสู่บริการใหม่ได้
และความกังวลใจในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้บริโภคจะหมดไป หากพวกเขาเข้าใจถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการเปิดเผยข้อมูลนั้น การให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมโดยการขออนุญาตก่อนจะนำข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาไปใช้ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความเต็มใจในการเปิดเผยข้อมูล หรืออีกนัยหนึ่งหากองค์กรใดมีความโปร่งใส โดยทำให้ผู้บริโภคได้เข้าใจถึงจุดประสงค์และกระบวนการในการนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ จะทำให้พวกเขามีทัศนคติที่ดีต่อองค์กรนั้น
นางรีเบคคา ซีเดอริง อังสตรอม ที่ปรึกษาอาวุโสของ Ericsson ConsumerLab กล่าวว่า ข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญต่อภาคธุรกิจในการสร้างความสัมพันธ์ที่ในเชิงบวกกับผู้บริโภค
เมื่อบริษัทได้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับลูกค้าก็จะทำให้บริษัทนั้นๆ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ โดยรวมไปถึงลักษณะและรูปแบบการติดต่อนำเสนอที่เหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละคนได้ดียิ่งขึ้น และในที่สุดก็จะนำไปสู่การสร้างประสบการณ์ของผู้บริโภคที่ดีขึ้น การเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีต่อแบรนด์ ตลอดจนนำไปสู่เรื่องของยอดขายที่ดี
ทั้งนี้ผู้บริโภคจำนวนมากยังคงต้องการข้อเสนอและบริการที่ตรงต่อความต้องการเฉพาะตัว แต่ในขณะเดียวกันบริษัทต่างๆ ก็ควรระมัดระวังในการนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้เพื่อประโยชน์ของลูกค้าอย่างแท้จริง
Ericsson ConsumerLab แสดงให้เห็นว่ามากกว่าร้อยละ 40 ของผู้บริโภคจะอนุญาตให้บริษัท ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาเพื่อปรับแต่งข้อเสนอ การปรับปรุงการให้บริการในปัจจุบัน รวมทั้งการพัฒนาสิ่งใหม่ๆที่ดีขึ้น
นาย บัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ อีริคสันประเทศไทย ได้กล่าวเสริมว่า อีริคสันคาดการณ์ว่า ภายในปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) โลกของเราจะมีอุปกรณ์สารพัดชนิดกว่า 5 หมื่นล้านชิ้นเชื่อมติดต่อสื่อสารถึงกันเพื่อส่งข้อมูลและบริการต่างๆ ผ่านระบบนิเวศน์ของธุรกิจในรูปแบบต่างๆ แน่นอนว่าในสถานการณ์เช่นนี้ผู้บริโภคย่อมจะได้รับประโยชน์จากข้อเสนอและบริการที่ดีขึ้น ตรงต่อความต้องการเฉพาะตัวมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าโลกของเราได้ก้าวเข้าสู่ยุคของ Networked Society อย่างสมบูรณ์แบบ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “สังคมเครือข่าย” ที่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเชื่อมต่อสื่อสารกันได้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พวกเรา และภาคธุรกิจอีกด้วย
เกี่ยวกับรายงาน
การศึกษาในเชิงคุณภาพนี้ ได้ถูกจัดทำขึ้นประเทศสหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรป โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้บริโภคและผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนั้นแล้วยังได้มีการจัดเวิร์คช็อปเพื่อสำรวจข้อมูลจากกลุ่มนักเรียนอีกด้วย
การศึกษาในเชิงปริมาณ ได้ถูกจัดทำขึ้นโดยใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ของคอนซูเมอร์แล็บ ผ่านการสัมภาษณ์ผู้บริโภค บนช่องทางออนไลน์กว่า 23,000 ราย โดยมีช่วงอายุ 15-69 ปี ในประเทศออสเตรเลีย บราซิล จีน เยอรมัน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีใต้ สวีเดน อังกฤษ ยูเครน และสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2012
อีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ สะสมความรู้ผ่านการศึกษาข้อมูลจากทั่วโลก โดยการสัมภาษณ์ผู้บริโภคกว่า 100,000 รายในแต่ละปี ในกว่า 40 ประเทศ ในมหานครใหญ่ 15 แห่ง ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่ใช้แทนความคิดเห็นของประชากรจำนวน 1.1 พันล้านคนได้ในเชิงสถิติ ผ่านวิธีการศึกษาทั้งในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ และได้ใช้เวลานับร้อยๆชั่วโมงกับผู้บริโภคจำนวนมาก ในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
หมายเหตุบรรณาธิการ
ดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอคุณภาพสูงได้ที่ www.ericsson.com/press
อีริคสันเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและบริการเพื่อการสื่อสารโทรคมนาคมระดับโลก เราร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมเครือข่าย (Networked Society) ด้วยโซลูชั่นที่เปี่ยมประสิทธิภาพ เพื่อให้เราสามารถ เรียนรู้ ทำงาน ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ และเป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่ยั่งยืนทั่วโลก
ข้อเสนอของเราประกอบด้วย บริการ ซอฟต์แวร์ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง ภายในอุตสาหกรรมไอซีทีเพื่อผู้ให้บริการเครือข่ายและอุตสาหกรรมอื่น ในวันนี้มากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของการใช้งานบนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นการใช้งานบนอุปกรณ์ของอีริคสัน และเราช่วยสนับสนุนดูแลเครือข่ายของลูกค้าที่รองรับผู้ใช้งานกว่า 2.5 พันล้านคนทั่วโลก
เราทำงานอยู่ใน 180 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 100,000 คน ก่อตั้งในปี 1876 อีริคสันมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ในปี 2011 บริษัทมียอดขายสุทธิอยู่ที่ 226.9 พันล้านโครเนอร์สวีเดน (35 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) อีริคสันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ OMX ในสต็อกโฮล์ม และ NASDAQ ในนิวยอร์ค
www.ericsson.com
www.twitter.com/ericssonpress
www.facebook.com/ericsson
www.youtube.com/ericssonpress