ในไตรมาส 1/2558 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวมทั้งสิ้น 3,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229 ล้านบาท หรือ 8.0% จาก 2,845 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2557 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ ประกอบกับการบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่มีประสิทธิภาพ และบริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141 ล้านบาทหรือ 35.3% ในไตรมาส 1/2557
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม เปิดเผยว่า "บริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 1 ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากการรับรู้รายได้ของดาวเทียมไทยคม 7 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการเสริมต่างๆ ได้แก่ บริการเทเลพอร์ต อาทิ บริการเล่นเทปบันทึกรายการ บริการบีบอัดสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิตอล รวมถึงรายได้จากการขายอุปกรณ์ให้แก่ผู้ประกอบการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี
ไทยคมประสบความสำเร็จจากการดำเนินตามกลยุทธ์ “Connecting the Future” ซึ่งเป็นการบริหารจัดการความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน การคำนึงถึงทุกมิติ และเชื่อมโยงทุกปัจจัยเข้าด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนไปสู่อนาคตอย่างต่อเนื่อง”
นอกจากผลประกอบการที่เติบโตขึ้นอย่างโดนเด่นแล้ว ไทยคมยังได้รับความเชื่อมั่นและยอมรับจากทั้งในและต่างประเทศ อาทิ การได้รับรางวัล CEO ยอดเยี่ยม จากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน “IAA Awards for Listed Companies 2014”, การรับรองจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ในฐานะสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต ซึ่งเป็นผลจากการที่ไทยคมได้ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจ ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจรรยาบรรณ เพื่อต่อต้านการคอร์รัปชั่นอย่างต่อเนื่องเสมอมา, รางวัล “ESG100” (ESG: Environmental, Social and Governance) จากสถาบันไทยพัฒน์ ในฐานะที่ไทยคมเป็น 1 ใน 100 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล, รางวัล “บริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมยอดเยี่ยม (Excellence Awards 2014-CSR Award)” จากงานประกาศผลรางวัล Satellite Awards 2015 โดยนิตยสารดาวเทียมชั้นนำระดับโลก Via Satellite ของประเทศสหรัฐอเมริกา
“รางวัลต่างๆ ที่ไทยคมได้รับล้วนถือเป็นกำลังใจและเป็นเครื่องการันตีว่า ไทยคมจะดำเนินธุรกิจโดยพัฒนารูปแบบการให้บริการที่เชื่อมโยงและเข้าถึงความต้องการของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งในด้าน “Connecting People” สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จร่วมกัน “Connecting Technology” ข้ามขีดจำกัดทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งอนาคต และ “Connecting Opportunities” แสวงหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป” นางศุภจีกล่าวเพิ่มเติม
ในส่วนของกลุ่มบริษัทในเครือนั้น บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) ซึ่งให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตและสื่อ ยังคงมีจำนวนฐานลูกค้าจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตคุณภาพสำหรับลูกค้าองค์กร (Leased line) และการให้บริการศูนย์คอมพิวเตอร์ (Internet Data Center: IDC) เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายวงจรเช่า เติบโตเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน และบริการศูนย์คอมพิวเตอร์ มีการเติบโตขึ้น 4% ตามลำดับ ทั้งนี้เนื่องมาจากการเติบโตของฐานลูกค้าใหม่และปริมาณการใช้งาน (Bandwidth) ที่เพิ่มสูงขึ้น ด้านกลุ่มบริษัทดีทีวี เน้นการทำธุรกิจในการนำเสนอสินค้าเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าโดยมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการเคเบิลทีวี (Cable TV) หรือ IPTV โรงแรม อาคาร คอนโดมิเนียม และสถานศึกษาด้วยโครงการ “Digital Head-End Solution” ที่สามารถจะช่วยตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการเปลี่ยนระบบจากอนาล็อคเป็นดิจิตอลโดยไม่ต้องลงทุนเรื่องอุปกรณ์ห้องส่ง ในส่วนของบริการแพลทฟอร์ม ดีทีวียังคงพัฒนาแพลทฟอร์มและแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อตอบสนองการให้บริการตามความต้องการของลูกค้า ในส่วนของธุรกิจโทรศัพท์ในต่างประเทศ บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (แอลทีซี) ยังมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังคงมีส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 47.48% ของตลาดรวม เพิ่มขึ้นจาก 46.93% ณ สิ้นปี 2557 นอกจากนี้ในส่วนของบริการอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไร้สาย HSPA และผู้ใช้บริการโทรศัพท์ไร้สาย CDMA Fixed Wireless ยังมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก