- ปี 2011 TABASCO ย้ายมาร่วมทำงานกับบ้านใหม่อย่างค่าย Lemon Factory ค่ายเพลงอินดี้น้องใหม่ไฟแรงซึ่งมีศิลปินอินดี้ชื่อดังอย่าง ภูมิจิต
- 15 มค. นี้ TABASCO พร้อมแล้วที่จะปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรก 1984 กับดนตรีแนว Disco Punk
“ปี 1984 เป็นปีแห่งการปฏิวัติวัฒนธรรม การเมือง ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวรรณกรรม ทั้งหมดนี้มีอิทธิพลต่อดนตรีพังค์ร็อคที่เกรี้ยว กราดมาบรรจบกับซาวด์ดนตรี Disco จนกลายเป็นดนตรีเต้นรำแนวใหม่ ที่แตกต่างจากวงดนตรีไทยอื่นๆ ทั้งในและนอกกระแส”
- สำหรับ อัลบั้ม 1984 ทางวงได้ Scott Moffat(ผลงานที่ผ่านมา Slot machine, Brandnew Sunset/ Getsanova) โปรดิวเซอร์มือทองมาช่วยกำหนดทิศทางของอัลบั้ม และดึงเอาจุดเด่นของสมาชิกแต่ละคนในวงมา ให้ออกมาเป็นอัลบั้มที่มีภาพรวมของวงที่กว้างขึ้น และชัดเจนขึ้น ซึ่ง 1984 อาจจะเป็นอัลบั้มสุดท้ายที่ Scott รับหน้าที่ produce ให้ในเมืองไทย
- อัลบั้ม 1984 เปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลแรกเพลง “เที่ยงคืนนี้ (This Midnight)” ที่ ได้รับกระแสตอบรับจากแฟนเพลงที่รอคอยการกลับมาของ TABASCO ได้เป็นอย่างดี การันตีด้วยการขึ้นถึงอันดับ 3 ในชาร์ทคลื่น 104.5 Fat Radio ได้นานหลายสัปดาห์
- ตามมาด้วย ซิงเกิ้ลที่สอง “ไม่กล้าตื่น (Lethargy)” เนื้อ เพลงเล่าเรื่องถึงชายคนหนึ่ง ซึ่งติดอยู่ใน "โลกแห่งความฝัน" ที่สวยงาม ที่ๆยังคงมีคนรักของเค้าอยู่ข้างๆ ทั้งๆที่ทุกๆเช้าที่เค้าตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริง เค้าต้องค้นพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างกลับว่างเปล่าและช่างปวดร้าว เพราะความเป็นจริงนั้นทั้งเค้าและเธอต่างแยกทางกันไปแล้ว จุดเด่นในเรื่องของดนตรีของเพลง ”ไม่กล้าตื่น” คือมีกลิ่นอายของดนตรี Glam rock ที่มี เมโลดี้ที่สวยงาม และกลิ่นของดนตรีที่แฝงไปด้วยจินตนาการและความฝัน
- เพลง “เชียงใหม่(New Town)” พวก เขาชวน นุก ชยารัตน์ ณ ลำปาง สาวเหนือ VJ Pop channel มาร่วมสร้างสีสันในเพลงนี้ด้วย เนื้อหาของเพลงพูดถึง การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ที่แสนอึดอัด เพลงนี้จะพาคุณออกเดินทางไปยังเมืองใหม่ เรื่องราวต่างๆเล่าผ่านดนตรีเต้นรำสนุกๆ ตอกย้ำด้วยซาวกีตาร์ที่มีกลิ่นเซิ้งๆ คล้ายๆเครื่องดนตรีภาคเหนือกับภาคอิสาน
รายละเอียดของเพลงทั้งอัลบั้ม 1984
- “คืนที่ดาวอิจฉา (Return of(at) The Star Envies)” เพลงป๊อปร็อค โทนอุ่นๆ ที่โดดเด่นด้วย ambience และ synthesizer เนื้อหาของเพลงนี้พูดถึงคืนที่ได้อยู่กับคนรัก ไม่ว่าจะกี่คืนเขาก็จะทำทุกๆคืนให้โรแมนติกที่สุด
- เพลง “Countdown” TABASCO ได้ชวน สิงห์ Squeeze Animal มาร่วมแจมด้วยใน กับเนื้อหาตลกร้ายที่พูดถึงคนสองคนที่แทบจะไม่ได้รักกัน แต่ฝืนแสแสร้งทนคบกันอยู่ สุดท้ายทั้งคู่ก็กำลังเริ่มนับถอยหลังสู่วันที่ต้องเลิกจากกัน เสน่ห์ของเพลงนี้อยู่ที่ดนตรีโทนอุ่นๆ กับเสียงกีต้าร์ของสิงห์ และ Synthesizer
- เพลง “Princess of Disco Floor” (Album Version) หลายคนอาจคุ้นหูในเวอร์ชั่นที่ได้พลอยหอวัง และป่อมป๊อมจาก The Diet Pills มาร่วมแรปด้วย แต่ในเวอร์ชั่นนี้ พวกเขาได้เรียบเรียงใหม่ ให้เป็นตัวตนของ Tabasco มากขึ้น
- เพลง “เชียงใหม่(New Town)” พวกเขาชวน นุก ชยารัตน์ ณ ลำปาง สาวเหนือ VJ Pop channel มาร่วมสร้างสีสันในเพลงนี้ด้วย เนื้อหาของเพลงพูดถึง การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ที่แสนอึดอัด เพลงนี้จะพาคุณออกเดินทางไปยังเมืองใหม่ เรื่องราวต่างๆเล่าผ่านดนตรีเต้นรำสนุกๆ ตอกย้ำด้วยซาวกีตาร์ที่มีกลิ่นเซิ้งๆ คล้ายๆเครื่องดนตรีภาคเหนือกับภาคอิสาน
- เพลง “1984” เพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม ที่มีกลื่นอายของดนตรียุค 80’s กับไลน์เบสที่ติดดู บอกเล่าเนื้อหาที่ชวนทุกคนให้ หลบหนีจากความจำเจในยุคปัจจุบัน ดิ่งดำย้อนเวลากลับไปในปี 1984 ปีที่เป็นจุดเริ่มต้นของดนตรี new wave
- เพลง “Tabasco’s song” เป็นเพลงที่สื่อถึงความ เปรี้ยว เผ็ดร้อน และเซ็กซ์ซี่ตามสไตล์ของ Tabasco เนื้อเพลงเปรียบ Sex เหมือนการเต้นรำที่เผ็ดร้อน ถ่ายทอดผ่านดนตรีร็อคที่มีจังหวะจะโคนที่สามารถโยกตามได้อย่างสนุกๆ
- เพลง “Dance’ till You Die” เป็นเพลงที่มีซาวด์ดนตรีพังค์หนักหน่วงที่สุดของ TABACSO ตามคอนเซ็ปต์การใช้ชีวิต Live Fast Die Young ที่เขาว่ากันว่า ให้ใช้ชีวิตให้มีความสุขทุกที่สุดตราบใดที่หัวใจยังเต้นอยู่
- เพลง “I Love Vodka” เพลงที่แฟนๆของ TABASCO รู้จักกันดีมากที่สุด กับดนตรีเต้นรำที่มีกลิ่นอายของความสนุกสนาน บอกเล่าเนื้อหาของของการมีใจรักความสนุกสนานในงานปาร์ตี้ ที่ต่อเนื่องไม่มีวันสิ้นสุด
ออกจากกรอบเดิมๆ แล้วมาเติมความเผ็ดร้อน ให้กับชีวิต กับ TABASCO กับอัลบั้ม 1984 ได้แล้ว 15 มค. นี้
ดาวน์โหลดเพลง/เสียงรอสายจาก TABASCO ได้ที่ *492278 กดโทรออก รหัส 454
ติดตามข่าวสารของวงได้ที่
http://www.facebook.com/tabascoband และ http://www.facebook.com/lemonfactoryrecord