"ยอมรับว่าตอนนี้มีคนรู้จักเรามากขึ้นถึงแม้ว่าจะเป็นในแง่ลบก็ตามแต่ทุกอย่างมันก็เป็นเรื่องของการแสดงจริงๆ สำหรับลำใยพื้นเพครอบครัวเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ดแต่ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ส่วนพ่อมีอาชีพขับแท็กซี่ คุณแม่ขายเสื้อ ทางบ้านก็มีฐานะค่อนข้างที่จะยากจนพอสมควร สำหรับจุดริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่การร้องเพลงนั้นความจริงแล้วสมัยที่เรียนปฐมหนูเป็นนักร้องของโรงเรียน และป้าที่รู้จักกันลูกสาวของเขาเป็นแดนซ์เซอร์อยู่กับวงดนตรีเล็กๆ ป้าเขาเห็นเราร้องเพลงได้ก็เลยชวนไปร้องตั้งแต่สมัยเรียน ป.4 แล้วจากนั้นก็ยึดอาชีพร้องเพลงเรื่อยมาแต่มาช่วงหลังที่ได้มีโอกาสไปร้องเพลงตามลานเบียร์ ดังนั้นการไปร้องแบบนี้ก็ต้องพยายามหาจุดขายเพราะถ้าเราไม่มีจุดขายแขกที่เขามานั่งดื่มก็จะไม่สนุกไปกับเราด้วย ก็เลยพยายามศึกษาดูคลิปจากยูทูปว่าหมอลำคนอื่นเขามีลีลาการร้องการเต้นแบบไหนเพื่อที่จะได้นำเอามาปรับใช้กับตัวเองเอง"
"กับเรื่องของกระแสลีลาการเต้นที่ดูหวือหวาแหกขาที่คนออกมาวิจารณ์ตอนนี้นั้นเรามองว่ามันเป็นเรื่องของการทำงาน เมื่อมีคนจ้างไม่เล่นเราก็ต้องเต็มที่กับงานเพราะถ้าเราไม่เต็มที่แล้วคนจ้างเค้าก็คงไม่อยากที่จะจ้าง ส่วนคนจ้างเค้าก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องใส่ชุดแบบไหน เต้นแบบไหน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางทีมงานของเราได้คุยกันว่าจะต้องพยายามหาจุดขายของตัวเอง เริ่มต้นหนูก็ใส่เสื้อผ้าธรรมดา เกาะอกสายเดี่ยวธรรมดา แต่ว่าในวงก็มีนักร้องที่เป็นรุ่นพี่หลายคนดังนั้นพี่ๆเค้าก็จะสอนแนะนำว่าต้องแต่งตัวอย่างไร พูดแบบไหน เพื่อให้คนดูสนุกสนานไปกับเรา ก็เลยทำให้มีการปรับเรื่องของการแสดงเพื่อให้ดูสนุกขึ้น การแต่งตัวก็ดูเซ็กซี่ขึ้นก็เท่านั้น"
ลำใย ไหทองคำ กล่าวต่อว่า "กับเรื่องของคลิปต่างๆที่ถูกแชร์ออกมานั้นก็มีทั้งที่เป็นแฟนคลับของเราเค้าถ่ายตอนที่เราแสดงสดแลว้าก็เอาไปลง หรือบางส่วนก็เป็นคลิปที่เราลงในเฟซบุ๊คของเราเองแล้วเมื่อมีคนเข้ามาดูก็นำเอาไปแชร์ต่อ ส่วนเรื่องของกระแสวิจารณ์นั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นมุมลบไม่ค่อยดี ส่วนมากก็จะถามว่าทำมัยต้องเต้นแหกขนานนั้นหรือว่าเต้นแบบนี้จะทำให้เสียชื่อเสียงสถาบันการศึกษาที่เรียนหรือเปล่า หรือมีบางครั้งที่ขึ้นแสดงเห็นคุณแม่ไปด้วยทำมัยคุณแม่ไม่ห้ามลูกไม่ให้เต้นอะไรแบบนี้ ซึ่งความจริงทั้งหมดอยากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องของการแสดง เมื่อเราขึ้นโชว์แล้วก็อยากที่จะทำให้เต็มที่เพื่อให้คนดูได้สนุกสนาน"
"เรื่องที่เรายังเป็นเยาวชนแล้วออกมาเต้นแบบนี้กลัวว่าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับเยาวชนหรือเปล่านั้นความจริงแล้วก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดหรือว่าเคยมองด้านนี้มาก่อนเลยเพราะหนูคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาหนูก็ทำงานตามปกติ หนูไม่ได้เป็นศิลปินดังอะไรก็เลยไม่คิดว่าใครจะมาสนใจหรือยึดเป็นตัวอย่าง ส่วนเรื่องที่มีคนมองว่าตอนนี้หนูเป็นเหมือนกับ จ๊ะ คันหู2 นั้นความจริงแล้วหนูก็ชื่นชอบพี่จ๊ะแต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะไปเลียนแบบเขาแต่อย่างใด หนูก็พยายามที่จะเป็นตัวของตัวเองมากกว่า กับเรื่องของความกดดันนั้นวันนี้ยอมรับว่ากดดันพอสมควรกับกระแสต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่หนูทำนั้นมันเป็นเรื่องของการแสดง มันเป็นอาชีพที่หนูทำเพื่อที่จะหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวจึงอยากให้สังคมเข้าใจและเห็นใจด้วย และหนูก็อยากจะขอโทษด้วยเพราะไม่คิดว่าวันนี้มันจะมีกระแสรุนแรงออกมาแบบนี้"
นางหมูแดง คลังมนตรี คุณแม่ของหมอลำซิ่ง กล่าวว่า "กับเรื่องท่าเต้นของน้องนั้นคุณแม่มองว่ามันเป็นเรื่องของการทำงานเป็นเรื่องของการแสดง และอีกอย่างแม่มองว่าไม่ได้เสียหายอะไร เมื่อเราทำงานก็ต้องทำให้เต็มที่และน้องก็ทำงานแบบนี้มานานแล้วด้วยไม่เห็นจะเป็นข่าวอะไร แต่เพิ่งจะเป็นกระแสเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเมื่อก่อนเราก็มองว่าไม่ไปข่าวก็ไม่เห็นมีใครพูดถึงแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของการสนับสนุนแม่มองว่าเป็นเรื่องของความอยู่รอดมากกว่าเพราะฐานะทางบ้านเราไม่ได้รวยก็ต้องทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงชีพและหาเงินเพื่อน้องจะได้เรียนหนังสือด้วย ซึ่งหลังจากเกิดกระแสวิจารณ์ถึงเรื่องขึ้นมาก็มีการพูดถึงเรื่องของความเหมาะสมจากสถาบันการศึกษา พูดกดดันว่าลูกเราไปทำให้สถานบันการศึกษาของเขาเสีย ตอนนี้คุณแม่กับน้องก็เลยตัดสินใจว่าจะไปลาออกแล้วก็ไปเรียนทางด้าน กศน.แทนเพื่อที่จะตัดปัญหาเรื่องของความเหมาะสมด้วย และอยากบอกอีกว่าสิ่งที่น้องทำมันคือเรื่องของการแสดง เราต้องทำงานหาเงินไม่อยากให้มองเป็นเรื่องอื่น"