นางลัดดาวรรณ เลิศวศิน ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด เครื่องดื่มเป๊ปซี่ บริษัท เป๊ปซี่โค เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด กล่าวว่า "เนื่องจากพฤติกรรมการซื้ออาหารของผู้บริโภคในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป โดยหันมานิยมสั่งอาหารเดลิเวอรี่กันเพิ่มมากขึ้น ด้วยความสะดวกสบาย มีอาหารที่หลากหลายให้เลือกสรร ทั้งยังมีโปรโมชั่นที่อัดแน่น 'เป๊ปซี่' จึงได้จับเทรนด์ของผู้บริโภคนี้ เข้าผนึกพันธมิตรกับ 'แกร็บฟู้ด' หนึ่งในผู้นำแอปพลิเคชันด้านฟู้ดเดลิเวอรี่ จัดกิจกรรม Co-Campaign ร่วมกัน พร้อมเปิดตัวฟู้ดแคมเปญ 'อร่อยซ่ามื้อนี้...ต้องเป๊ปซี่กลิ่นไลม์' เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์เครื่องดื่มน้ำอัดลมที่คนไทยชื่นชอบเมื่อดื่มคู่กับมื้ออาหาร และสะท้อนให้เห็นถึงการเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งของเป๊ปซี่ เพื่อเข้าถึงและตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ ผ่านการส่งมอบประสบการณ์ความอร่อยซ่า พร้อมอัดแน่นด้วยแคมเปญการตลาดแบบจัดเต็มให้กับผู้บริโภคตลอดระยะเวลา 3 เดือนเต็ม ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึงตุลาคมนี้"
การเข้ามาของแอปพลิเคชันสั่งอาหารเดลิเวอรี่ ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป สะท้อนได้จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่พบว่ากลุ่มตัวอย่างสูงถึงร้อยละ 63 มองว่าการมีบริการสั่งอาหารผ่านทางแอปพลิเคชันประเภทต่างๆ ส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคของตน โดยทำให้เปลี่ยนมาสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันเพิ่มมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ร้อยละ 88 ของกลุ่มตัวอย่างเคยใช้บริการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันประเภทต่างๆ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากโปรโมชั่นและส่วนลดที่ทางแอปพลิเคชันมอบให้[1]
"ด้วยคนไทยให้ความสำคัญกับการทานอาหารเป็นอย่างมาก เพราะวัฒนธรรมการรับประทานอาหารสามารถช่วยเพิ่มรอยยิ้มในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี เราจึงยืดหยัดที่จะส่งมอบมื้ออร่อยให้กับคนไทยผ่านการบริการที่มีคุณภาพและรวดเร็ว รวมถึงจะต้องมีพาร์ทเนอร์ด้านอาหารและเครื่องดื่มที่อร่อยและครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค และในครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่ 'แกร็บฟู้ด' ได้ร่วมมือกับ 'เป๊ปซี่' ที่มีภาพลักษณ์เป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่อยู่คู่กับมื้ออาหารของคนไทย ซึ่งทางเป๊ปซี่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มและเสริมสร้างประสบการณ์ความอร่อยซ่าผ่านแคมเปญ และกิจกรรมสุดพิเศษ รวมถึงโปรโมชั่นสุดคุ้มที่เราได้จัดร่วมกันตลอดทั้งเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมนี้ ทั้งนี้แกร็บฟู้ดพร้อมจะเดินหน้าไปพร้อมๆ กันกับพันธมิตร 'เป๊ปซี่' เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันต่อไป" นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวเสริม
Co-Campaign "Pepsi x GrabFood" ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างสีสันให้กับทั้งตลาดน้ำอัดลม และตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ได้ ผ่านการจัดแคมเปญ กิจกรรม และโปรโมชั่นที่ใครได้เห็นก็ต้องร้องว้าว!
อันได้แก่
- Co-Branding "Pepsi x GrabFood"
ร่วมกันสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดและการสื่อสารเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้นซึ่งครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ อาทิ สื่อโฆษณานอกบ้าน, สื่อโฆษณาทางออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย, การดีไซน์ถุงกระดาษสำหรับใส่อาหาร และการแร็ปรถเป็นสื่อโฆษณาที่จะวิ่งให้เห็นกันทั่วกรุงเทพฯ
- Co-Content เด็ดกระแทกใจชาวออฟฟิศเพื่อสร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภค
จากผลการสำรวจช่วงเวลาในการสั่งอาหารผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่ พบว่ากว่า 40% ของกลุ่มตัวอย่างมักจะสั่งอาหารในช่วงเวลาทำงาน เป๊ปซี่ และ แกร็บฟู้ด จึงชวนชาวออฟฟิศสายกินมาร่วมสนุกกันในแคมเปญ "ออฟฟิศ ชาเลนจ์" ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมแคมเปญในช่วงสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนกันยายน ผ่านทางแอปพลิเคชันของแกร็บฟู้ด ให้ได้ลุ้นอิ่มอร่อยไปกับปาร์ตี้มื้อกลางวันเซ็ตใหญ่และมินิคอนเสิร์ต ที่พร้อมเสิร์ฟความสนุกซ่าถึงที่ออฟฟิศโดย The TOYS นักร้องหนุ่มสุดเซอร์และแกร็บบอยสุดเซอร์ไพรส์กันได้เลย!!
- อัด Co-Promotion เต็มสูบเติมเต็มความอร่อยซ่า
- "เป๊ปซี่" ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญความอร่อยสุดคุ้มครั้งยิ่งใหญ่ "GrabFood 8.8 Mega Sale" ด้วยการมอบส่วนลดและโปรโมชั่นสุดพิเศษให้กับผู้บริโภค
- พิเศษสุด! เมื่อสั่งอาหารผ่านทางแกร็บฟู้ดครบ 300 บาท พร้อมใส่โค้ดโปรโมชั่น "LIME" สามารถแลกรับ "กล่องอาหาร Pepsi Lunch Box สุดพรีเมียม" มูลค่า 123 บาท (จำนวน 400 สิทธิ์) ไว้บรรจุอาหารทานคู่กับเป๊ปซี่ กลิ่นไลม์ ที่จะช่วยเติมความซ่าฟินและเพิ่มรสชาติให้กับทุกมื้ออาหาร ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 30 กันยายนนี้ หรือจนกว่าของจะหมด
- เป๊ปซี่ แจกความซ่าฟินต่อเนื่อง สำหรับผู้ใช้บริการแกร็บฟู้ด รับฟรี! เป๊ปซี่รสชาติใหม่ล่าสุดโดนใจคนไทย "เป๊ปซี่ กลิ่นไลม์" ขนาด 245 มล. มูลค่า 12 บาท เมื่อสั่งอาหารจากร้านค้าที่ร่วมรายการ ขั้นต่ำ 100 บาท (จำนวน 15,000 สิทธิ์) ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 31 ตุลาคมนี้
ติดตามรายละเอียดแคมเปญและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "เป๊ปซี่ กลิ่นไลม์" ได้ผ่านทาง Facebook PepsiThai และทาง LINE Official Account: PepsiThai
[1] https://kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/20190607_00.aspx