ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,642 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,647เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.76 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 23,950 บาท กับ 24,050 บาท และกลับมาปิดที่ 24,000 บาท กับ 24,100 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4,622 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 14,355 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 36 คู่สัญญา ปริมาณการซื้อขาย Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 5% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 3% Silver Futures เพิ่มขึ้น 3% GFJ12 ปิดที่ 24,240 บาท เและ GFM12 ปิดที่ 24,430บาท และ GF10J12 ปิดที่ 24,240 บาท และ GF10M12 ปิดที่ 24,440บาท SVJ 12 ปิดที่ 996
สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 16.60 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1659.5 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 54.5 เซนต์ ปิดที่ระดับ 32.72 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำที่ 1,293.26 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ระดับ 105.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 58.66 จุด ปิดที่ระดับ 13,252.76 จุด
Ratio Gold / Silver เท่ากับ 50.71 ต่อ 1
ข่าวที่สำคัญ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้นกว่า 1% เมื่อคืนนี้ (15 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนสัญญาทองคำดีดตัวขึ้นด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ (dollar index) ร่วงลง 0.52% แตะที่ 80.149 จุด ขณะที่สัญญาทองคำที่ตลาด COMEX (Commodity Exchange) พุ่งขึ้น 16.6 ดอลลาร์ หรือ 1.01% ปิดที่ 1,659.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1641-1660 ดอลลาร์
- เอินส์ท แอนด์ ยัง ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ระดับโลก คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้อาจจะหดตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากรัฐบาลในประเทศยูโรโซนใช้มาตรการรัดเข็ดขัด ซึ่งรวมถึงการลดงบประมาณรายจ่าย เอินส์ท แอนด์ ยัง คาดว่า เศรษฐกิจของ 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนจะหดตัวลง 0.5% ในปี 2555 เมื่อเทียบกับเดิมที่คาดไว้เมื่อเดือนธ.ค.ว่าจะหดตัวเพียง 0.1%
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โดยรวมของกลุ่มประเทศจี 20 ขยายตัว 0.7% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ซึ่งขยายตัวที่ระดับ 0.9%
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อนุมัติการจ่ายเงิน 2.8 หมื่นล้านยูโร (3.67 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับกรีซแล้วเมื่อวานนี้ โดยไอเอ็มเอฟจะจัดสรรเงินล็อตแรกจำนวน 1.65 พันล้านยูโรให้แก่รัฐบาลกรีซในทันที ซึ่งวงเงินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ
- ฟิทช์ เรทติ้งส์ เผยอังกฤษเสี่ยงที่จะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA เนื่องจากความสามารถที่มีอยู่อย่างจำกัดในการรับมือกับภาวะผันผวน รวมทั้งการฟื้นตัวที่อ่อนแอของเศรษฐกิจ หนี้สูง และความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยุโรป ฟิทช์ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษเป็น "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" ซึ่งบ่งชี้ว่า มีโอกาสสูงกว่า 50% ที่อันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA จะถูกปรับลดลงภายในระยะเวลา 2 ปี แถลงการณ์ของฟิทช์ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถด้านการคลังที่มีอยู่อย่างจำกัดในการที่จะรับมือกับภาวะเศรษฐกิจผันผวนอย่างรุนแรง
- กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ความต้องการสินทรัพย์ทางการเงินของสหรัฐจากนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นในเดือนมกราคม ในขณะที่นักลงทุนหาทางหลีกหนีวิกฤตหนี้ในยุโรป รายงานระบุว่า ยอดซื้อสุทธิของหุ้น ตั๋วเงิน และพันธบัตรระยะยาวสหรัฐโดยนักลงทุนต่างประเทศ รวมอยู่ที่ 1.01 แสนล้านดอลลาร์ในระหว่างเดือนดังกล่าว เทียบกับยอดซื้อสุทธิที่ 1.91 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 มี.ค. ลดลง 14,000 ราย มาอยู่ที่ 351,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2551 ตอกย้ำให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน
-PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1 % คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 0.5% ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ที่ระดับ 0.4%
- Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 362K คาดการณ์ว่าจะออกมาลดลงอยู่ที่ระดับ 357K ตัวเลขจริงออกมาลดลงจากเดิมที่ 351K
- Core PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.4% คาดการณ์ว่าจะออกมาลดลงอยู่ที่ระดับ 0.2% ตัวเลขจริงออกมาลดลงจากเดิมที่ 0.2% ตามคาด
- Empire State Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 19.5 คาดการณ์ว่าจะออกมาลดลงอยู่ที่ระดับ 17.6 ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 20.2
- TIC Long-Term Purchases ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 17.9B คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 29.3B ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 101.0B
- Philly Fed Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 10.2 คาดการณ์ว่าจะออกมายู่ที่ระดับ 11.9 ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 12.5
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้
- Core CPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.2% คาดการณ์ว่าจะออกมาเท่าเดิมที่ระดับ 0.2%
- CPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.2% คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 0.4%
- Prelim UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 75.3 คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 75.8
วิเคราะห์ทางเทคนิค
Gold — ราคาทองคำเปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 1642 เหรียญโดยประมาณ และค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นโดยตลอด ลักษณะเป็นรีบาวด์หลังจากตกลงมาบริเวณแนวรับที่ระดับ 1630 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับของ Fibonacci Figure 61.8% ตามที่ได้วิเคราะห์ไว้ โดยภาพรวมทองคำยังเป็นทิศทางแนวโน้มขาลง ลักษณะเป็น Technical Rebound เท่านั้น จุดแนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับ 1680 เหรียญ แนวรับอยู่ที่ระดับ 1640 เหรียญ โดยหลักๆ ยังแนะนำให้พยายามบริหารพอร์ตให้สมดุลและให้ขายบริเวณแนวต้าน
Gold Futures J12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,200 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,450 บาท
Gold Futures M12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,380 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,620 บาท
Silver Futures J12 จะมีแนวรับที่ระดับ 960 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,020 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)
เก็งกำไรในภาวะการณ์แกว่งตัวทิศทาง Technical Robound กรอบ 1650-1675 เหรียญ ให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และขายเมื่อราคาขึ้นไปชนแนวต้าน
นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
เข้าช้อนซื้อเมื่อวานแล้ว แนะนำให้ทยอยขายทำกำไรในวันนี้บ้าง คงพอร์ตประมาณ 40 %
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
เข้าช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวเท่านั้น คงพอร์ตที่ระดับ 20 %
สรุปได้ว่า เก็งกำไรในทิศทางของการแกว่งตัวขึ้นในระยะสั้นๆ แนวโน้มใหญ่ยังเป็นขาลง คาดว่าราคาอาจจะขึ้นไปทดสอบระดับประมาณ 1680 เหรียญ ได้ ยังแนะนำให้เป็นการ เก็งกำไรระยะสั้น เข้าออกเร็วตามความผันผวนของตลาด ถ้าราคาชนบริเวณ 1680 เหรียญ นักลงทุนที่ติด Longอยู่ น่าจะลดพอร์ตและรอช้อนซื้อกลับเมื่อราคากลับลงมา เราไม่คิดว่าราคาจะผ่าน 1700 เหรียญ ขึ้นไปได้ ถ้าไม่มีข่าวอะไรใหม่ๆ หมายความว่าราคาน่าจะเป็นTechnical Robound เท่านั้น จึงแนะนำให้เก็งกำไรในระยะสั้น