นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ตลาดเอเชียมีความต้องการด้านการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ, การท่องเที่ยว และบริการด้านการลงทุน เพิ่มขึ้น และมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งลูกค้าในปัจจุบันต้องการบริการด้านการเงินที่ง่าย ไม่สลับซับซ้อน รวดเร็ว และมอบประสบการณ์ที่ดีในการทำธุรกรรม จากผลสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าซิตี้แบงก์ที่ผ่านมา พบว่า ลูกค้าซิตี้แบงก์ประมาณ 54% มีการเดินทางไปต่างประเทศเมื่อปีที่แล้ว 65% ต้องการธนาคารที่ให้อภิสิทธิ์ในการเข้าถึงและบริหารจัดการบัญชีของตนเองได้ในทุกที่ทั่วโลก และสัดส่วนประมาณ 18% มีสมาชิกในครอบครัวทำงานหรือศึกษาต่อในต่างประเทศ ผลการสำรวจดังกล่าวสอดรับกับธนาคารซิตี้แบงก์ที่ปัจจุบันมีสาขาครอบคลุมกว่า 160 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก รวมถึง 7 ประเทศที่อยู่ภายใต้เขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ได้แก่ ประเทศไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, บรูไน และอินโดนีเซีย ดังนั้น ธนาคารจึงสามารถใช้เครือข่ายสาขาที่มีอยู่มาช่วยสร้างบริการการเงินระหว่างประเทศที่แตกต่างเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี”
นางวีระอนงค์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “Global Banking Service เป็นบริการเฉพาะด้านและมุ่งตอบสนองความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ‘Global Minded Customer’ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ด้วยตนเองไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก ยกตัวอย่างเช่น บริการ “Citibank Global Funds Transfer” บริการโอนเงินระหว่างประเทศที่ลูกค้าซิตี้แบงก์สามารถโอนเงินจากบัญชีซิตี้แบงก์ในประเทศไปยังบัญชีธนาคารซิตี้แบงก์ทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว (real time) โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการโอน ขณะนี้บริการดังกล่าวครอบคลุมถึงกว่า 30 ประเทศทั่วโลก รวมถึงกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก อาทิ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน อินเดีย สิงคโปร์ และฮ่องกง นอกจากนี้ ยังมีบริการที่เรียกว่า “Global View of Accounts” ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าซิตี้แบงก์ที่มีบัญชีมากกว่าหนึ่งบัญชีในหลายประเทศสามารถเรียกดูข้อมูลบัญชีทั้งหมดได้ในเวลาเดียวกัน รวมถึงทำการบริหารจัดการบัญชีส่วนตัวได้แบบ real time”
ปัจจุบัน ธนาคารซิตี้แบงก์มีฐานลูกค้า “Global Minded Customers” กว่า 1.4 ล้านคนทั่วโลก จากจำนวนดังกล่าวประมาณ 600,000 คนเป็นลูกค้าในแถบเอเชียแปซิฟิค ซึ่งมีสัดส่วนการใช้บริการ “Global View of Accounts” เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 43% และมีแนวโน้มที่อัตราการใช้บริการจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
“ธนาคารซิตี้แบงก์มีสกุลเงินกว่า 8 สกุลต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการทำธุรกรรมทางการเงิน ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์สิงคโปร์ ปอนด์สเตอร์ลิงค์ ยูโร สวิสฟรังค์ ดอลลาร์ฮ่องกงและเยน ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของโลก เพื่อตอกย้ำว่า ซิตี้เป็นสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกอย่างแท้จริง นางวีระอนงค์ กล่าว
นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงกลยุทธ์ธุรกิจดิจิตอลแบงก์กิ้งของธนาคารฯว่า เป็นการให้บริการที่มุ่งเน้นตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งได้มีการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำธุรกรรมด้ารการเงิน รวมถึงความต้องการบริโภคข้อมูลข่าวสารบนโลกออนไลน์ที่มีความรวดเร็ว ทั้งนี้ในปัจจุบันมีเทรนด์ที่เรียกว่า “SoLoMo” (Social Media, Location และ Mobile) ซึ่งจะเข้ามามีอิทธิพลต่อผู้บริโภคผ่านแอพลิเคชั่นบนมือถือ ในรูปแบบของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก (SOcial) ความสามารถในการระบุตำแหน่งที่ตั้ง (LOcation) ผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ (MObile) ซึ่งแอพลิเคชั่น ซิตี้ โมบายล์ (Citi Mobile) ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการทำธุรกรรมการเงินบนโทรศัพท์มือถือได้เช่นเดียวกับการใช้บริการผ่านซิตี้แบงก์ ออนไลน์ นอกจากนั้นยังสามารถแสดงที่ตั้งของธนาคารซิตี้แบงก์ในจุดต่าง ๆ และรวมไปถึงสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าจากคู่ค้าของธนาคารได้ โดยปัจจุบันสามารถดาวน์โหลดซิตี้ โมบาย แอพพลิเคชั่นได้แล้วจาก App Store บนแอปเปิล และ Play Store บนกูเกิล
นับจากการเปิดตัวบริการซิตี้ โมบายล์ (Citi Mobile) เมื่อปี 2551 ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการดังกล่าวประมาณ 60,000 — 70,000 คนต่อเดือน และล่าสุดธนาคารซิตี้แบงก์ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิคมีฐานลูกค้าขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.1 ล้านคน โดยรวมแล้วธนาคารฯ มีผู้ใช้บริการธุรกรรมออนไลน์ และธุรกรรมบนมือถือ ประมาณ 12 — 13 ล้านคน ต่อเดือน
ล่าสุด ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ได้รับรางวัลธนาคารทางอินเตอร์เน็ตสำหรับลูกค้าบุคคลยอดเยี่ยม 10 ปีซ้อน เช่นเดียวกับสาขาของธนาคารซิตี้แบงก์ 7 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับรางวัล “2012 World’s Best Consumer Internet Banks in Asia” ซึ่งรางวัลดังกล่าวจะช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นในบริการของธนาคารซิตี้แบงก์ผ่านช่องทางดิจิตอล ซึ่งลูกค้าสามารถสัมผัสประสบการณ์บนโลกดิจิตอลทั้งในด้านการทำธุรกรรมทางการเงินและตลอดจนการสื่อสารของธนาคารฯ ผ่านช่องทางดิจิตอลเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ในปี 2556 ที่จะถึงนี้ธนาคารจะมีการขยายบริการด้านดิจิตอลแบงก์กิ้งให้ครอบคลุม ทั้งในส่วนของ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล, แทปเล็ตและสมาร์ทโฟน อีกด้วย
ด้านนางวีระองค์กล่าวทิ้งท้ายว่า “ธนาคารซิตี้แบงก์มั่นใจว่า บริการ Digital Global Banking จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าของซิตี้แบงก์ได้อย่างน่าพึงพอใจ โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มลูกค้า Global Minded Customer ที่มีการลงทุนหรือเดินทางในต่างประเทศเป็นประจำ ทั้งเพื่อการทำงาน หรือท่องเที่ยวประจำปี รวมไปถึงลูกค้าที่ส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ โดยบริการ Digital Global Banking ถือเป็นกลยุทธ์ระยะยาวของซิตี้ทั่วโลกที่มุ่งตอบสนองความต้องการและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าอย่างไร้พรมแดนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์”