ในไตรมาสที่1 ปี 2556 บริษัทมีรายได้จากงานก่อสร้างจำนวน 8,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ปี 2555 89.31% และมีรายได้รวม จำนวน 14,506 ล้านบาท และจากการที่ CKP จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ในวันที่ 18 กรกฏาคมนี้ บริษัทจะรับรู้กำไรพิเศษจากการปรับมูลค่าการลงทุนใน CKP รวมทั้งปี 2556 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้รวมกว่า 36,000 ล้าน เป็นรายได้จากงานก่อสร้างกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่บริษัทดำเนินการมา กว่า 41 ปี โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น ประมาณ 8-10%
นายปลิว ยืนยันว่า ปัจจุบันบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมาก และไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนแต่อย่างใด บริษัทมีสัดส่วนหนี้ต่อทุนต่ำเพียง 1.47 เท่า และมีส่วนของผู้ถือหุ้นกว่า 16,000 ล้านบาท บริษัทมีศักยภาพและความพร้อมที่จะรับงานก่อสร้าง และลงทุนได้อีกมาก ทั้งจากงานของภาครัฐ และงานสัมปทานที่บริษัทที่ลงทุนดำเนินการเอง ทำให้บริษัทสามารถมีรายได้เติบโตได้โดยไม่ต้องพึ่งงานของภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างบริษัทก่อสร้างทั่วไป และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาโครงการสัมปทาน และงานก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆเช่น เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการไฟฟ้าพลังงานทดแทน โครงการจัดหาและผลิตน้ำประปา ในประเทศ พม่า และลาว ซึ่งบริษัทมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก และคาดว่าจะประสบความสำเร็จสร้างรายได้และผลตอบแทนที่ดีให้แก่บริษัท