ราคาทองคำซบถึงสิ้นปี เหตุปัจจัยกดดันเพียบ เดือนพ.ย.ราคาแกว่งตัวในกรอบ17,000-19,000บ.

พุธ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๐๑๔ ๑๑:๓๕
ศูนย์วิจัยทองคำเผยดัชนีเชื่อมั่นทองคำเดือน พ.ย. ฟื้นตัวเล็กน้อยหลังทองร่วงหนักเดือนก่อน หลังยุติ QE โดยดัชนีอยู่ที่ระดับ 46.77 จุด เพิ่มขึ้น 8.10 จุดจากเดือนก่อน BOJ ออกมาตรสภาพคล่องเพิ่มส่งค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่งเทียบสกุลเงินหลักลดความน่าสนใจถือครองทองคำ ด้านผู้ค้ารายใหญ่เชื่อทองเดือนพ.ย.มีแนวโน้มย่อตัวต่อ ระหว่างเดือนน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 17,000-19,000 บาทต่อบาททองคำ

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือนพฤศจิกายน 2557 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำอยู่ที่ระดับ 46.77 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.10 จุด จากเดือนตุลาคม แต่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด สะท้อนมุมมองเชิงลบเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน สอดคล้องทั้งกลุ่มผู้ลงทุนทองคำและกลุ่มผู้ค้าทองคำ ซึ่งมองว่าราคาทองคำในเดือนพฤศจิกายนยังมีโอกาสปรับตัวลงต่อแต่กรอบการอ่อนตัวอาจจะเริ่มจำกัด จากปัจจัยการกดดันจากการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และความวิตกการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยหลัง FED หลังจบนโยบาย QE ส่วนเงินบาทอ่อนตัวส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศปรับตัวลงไม่มากเท่าทองคำโลก

ทั้งนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกเดือนตุลาคมปรับตัวลดลงกว่า 90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ จากระดับ 1,255.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ และทำจุดต่ำสุดที่ 1,173.92 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ จากปัจจัยการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของค่าเงินดอลลาร์ แม้ช่วงต้นเดือนจะปรับตัวขึ้น จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะถดถอย หลังจากที่ IMF ทำการปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ลง ก่อนที่จะปรับตัวลงอย่างหนักในช่วงปลายเดือน จากผลการประชุม FOMC ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่มีการยุติมาตรการ QE รวมถึงมีมุมมองเป็นเชิงบวกต่อตลาดการจ้างงานในประเทศที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผลการประชุมBOJ ที่มีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเหนือความคาดหมายของนักลงทุนจากปริมาณฐานเงินจากเดือนละ 60-70 ล้านล้านเยนเป็น 80 ล้านล้านเยน โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ากว่า 1.3% ในช่วงปลายสัปดาห์ อีกทั้ง ผลการเลือกตั้งกลางปีของสหรัฐฯพรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากได้ทั้ง 2 สภา ยิ่งกดดันราคาทองคำให้ปรับฐานลงอย่างหนักอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในระยะสามเดือนข้างหน้ากลุ่มตัวอย่างมองว่าดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำน่าจะกลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.95 จุด อยู่เหนือระดับ 50 จุดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 4.38 จุด โดยความหวังว่าต้นปีหน้าราคาทองคำจะฟื้นตามเทศกาลสำคัญ แต่ยังมีความกังวลด้านปัจจัยอื่นๆที่ยังกดดัน โดยปัจจัยที่เชื่อว่าจะกระทบราคาทองคำในประเทศในช่วงหนึ่งเดือนกลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักกับความผันผวนของค่าเงินบาทเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระทบต่อราคาทองคำในประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทมีความผันผวนอย่างมากในเดือนตุลาคมตามการปรับเปลี่ยนของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และปัจจัยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการปรับเปลี่ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่มีการให้น้ำหนักรองลงมา ขณะที่ปัจจัยที่จะกระทบต่อราคาทองคำ

ในประเทศช่วง 3 เดือนข้างหน้ากลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักกับค่าเงินบาท ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นโยบายการเงินสหรัฐฯ การเก็งกำไร และความต้องการทองคำในตลาดโลกเป็นปัจจัยสำคัญ

สำหรับบทสรุปความคิดเห็นผู้ค้าทองคำ (Gold Trader Consensus) จากผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ ผู้ค้าส่งทองคำ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 10 ตัวอย่าง พบว่าผู้ค้าส่วนใหญ่มีมุมมองราคาทองคำในช่วงเดือนพฤศจิกายนในเชิงลบ โดยมีผู้ค้า 1 รายมองทองคำเฉลี่ยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 รายมองราคาทองเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับเดือนตุลาคม ขณะที่อีก 7 รายเชื่อว่าราคาทองคำเฉลี่ยจะปรับตัวลดลงระหว่างเดือน

โดยผู้ค้ามองว่าราคาทองคำในตลาดโลกน่าจะมีกรอบราคาสูงสุดอยู่ระหว่าง 1,200-1,220 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวของราคาต่ำสุดอยู่ที่ 1,100-1,160 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ สำหรับราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 95.5%) กลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักราคาสูงสุดที่ 18,500-19,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และกรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดอยู่ที่ 17,000-17,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ

ด้านนายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด กล่าวให้ความเห็นว่า แม้ปัจจุบันภาวะตลาดทองคำมีความผันผวน แต่นักลงทุนเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อขายทองคำระยะสั้นมากขึ้นหลังจากผ่านช่วงที่ราคาทองคำผันผวนก่อนหน้านี้ ขณะที่กลุ่มผู้ค้าไม่จำเป็นต้องรับมือกับราคาทองคำที่ผันผวน แต่ควรพัฒนาระบบการซื้อขายที่รวดเร็ว แม่นยำ เพื่อให้สอดคล้องกับความผันผวนของราคาเพื่อตอบโจทย์ของผู้ลงทุน โดยผลดีของการพัฒนาระบบการซื้อขาย คือความสะดวกสบายที่มีต่อกลุ่มผู้ลงทุนที่สามารถสั่งซื้อขายได้ผ่านระบบการซื้อขายออนไลน์หรือผ่านทางระบบโทรศัพท์ ทำให้รวดเร็วทันต่อการเปลี่ยนแปลงในภาวะที่ผันผวน นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อความปลอดภัย ด้วยการซื้อขายแบบออนไลน์ที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงในการซื้อขายจำนวนมาก รวมถึงการซื้อขายแบบออนไลน์ยังทำให้ผู้ประกอบการมีความกระตือรือร้นในการแข่งขันและส่งต่อข้อมูลด้านการลงทุนให้ผู้ลงทุนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าควรให้ความสำคัญกับเรื่องความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว เนื่องจากในอุตสาหกรรมมีจำนวนผู้ดำเนินธุรกิจในลักษณะนี้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ให้บริการที่หลอกลวงผู้ลงทุนโดยใช้ธุรกิจลงทุนทองคำออนไลน์เพื่อหาผลประโยชน์ ซึ่งยากต่อการตรวจสอบตัวผู้ประกอบการเอง ดังนั้น นักลงทุนควรมีการลงทุนอย่างระมัดระวังและศึกษาผู้ดำเนินธุรกิจให้ละเอียดก่อนการตัดสินใจซื้อขายหรือลงทุน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๑๖ กทม. ประเมินผล Lane Block จัดระเบียบจราจรหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ พบรถแท็กซี่-สามล้อเครื่องจอดแช่ลดลง
๑๗:๐๓ สมาคมประกันวินาศภัยไทย Kickoff การใช้ข้อมูล Non-Life IBS พร้อมส่งมอบรายงานข้อมูลสถิติในการพัฒนาธุรกิจประกันภัยของประเทศ
๑๗:๓๖ 3 โบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ ซื้อ SAV เคาะราคาเป้า 24-25 บาท/หุ้น คาดกำไร Q1/67 ทุบสถิติออลไทม์ไฮ รับปริมาณเที่ยวบินเพิ่ม เก็งผลงานทั้งปีโตเด่น
๑๗:๐๓ Minto Thailand คว้ารางวัล Best Official Account จาก LINE Thailand Award 2023
๑๗:๒๔ กทม. ตรวจสอบความปลอดภัยอาคาร ป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ เตรียมพร้อมหน่วยเบสท์รองรับพายุฤดูร้อน
๑๗:๓๒ ไขข้อสงสัย.เมื่อซื้อแผงโซล่าเซลล์แล้วจะขนย้ายกลับอย่างไรให้ปลอดภัย โดย เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย)
๑๖:๔๕ ไทเชฟ ออกบูธงาน FHA Food Beverage 2024 ที่สิงคโปร์
๑๖:๕๓ เนื่องในวันธาลัสซีเมียโลก มหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคธาลัสซีเมียในประเทศไทย
๑๖:๓๕ EGCO Group จัดพิธีเปิดโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration (ส่วนขยาย) อย่างเป็นทางการ
๑๖:๒๖ เพลิดเพลินไปกับเมนูพิเศษประจำฤดูกาล: อาหารจากแคว้นซิซิลี ประเทศอิตาลี ที่ โวลติ ทัสคาน กริลล์ แอนด์ บาร์ โรงแรมแชงกรี-ลา