นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/2558 มีแนวโน้มดีขึ้น และมีโอกาสพลิกมีกำไร จากผลประกอบการที่ขาดทุนในงวดปี 2557 และงวดไตรมาส 1/2557 เนื่องจากทิศทางราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 465 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากเดิมในช่วงเดือนมกราคม ราคาตลาดลงไปทำจุดต่ำสุดที่กว่า 447.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จึงทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ในปี 2558 โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนให้อยู่ระดับที่เหมาะสม ควบคู่กับการรุกตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างผลประกอบการให้เติบโตขึ้น ในปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ SGP แบ่งออกเป็น รายได้จากการขายก๊าซแอลพีจีในต่างประเทศร้อยละ 60 และในประเทศร้อยละ 40 ซึ่งบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในการเปิดตลาดลูกค้ารายใหม่ๆ ในต่างประเทศ ทั้งแบบค้าส่งขนาดใหญ่ผ่านเทรดเดอร์รายใหญ่ในภูมิภาค และแบบค้าปลีกผ่านทางบริษัทย่อยในแต่ละประเทศที่บริษัทได้จัดตั้งไว้ เพราะมองว่าโอกาสและความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีในต่างประเทศยังมีอีกมาก ส่วนธุรกิจก๊าซแอลพีจีในประเทศ ยังคงมีแนวโน้มเติบโตที่ดี ถึงแม้ว่าภาครัฐจะมีการปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงแล้วก็ตาม เนื่องจากก๊าซแอลพีจีถือเป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน ในส่วนของการลงทุนในปี 2558 บริษัทฯวางแผนขยายสถานีบริการก๊าซในประเทศเพิ่มอีก 5 แห่ง จากสิ้นปี 2557 อยู่ที่ราว 40 แห่ง รวมทั้งลงทุนในส่วนของเครื่องจักรสำหรับผลิตถังก๊าซให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการที่จะช่วยสนับสนุนยอดขายบริษัทฯ ให้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย พร้อมตั้งเป้าหมายผลงานในปี 2558 จำหน่ายก๊าซแอลพีจี 2.57 ล้านตัน คาดจะมีรายได้กว่าหกหมื่นล้านบาท และมีโอกาสพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ เมื่อเปรียบเทียบกับผลประกอบการของปี 2557 ที่มีผลขาดทุน 514.30 ล้านบาท
“ในปี 2557 ที่ผ่านมาเราประสบปัญหาขาดทุนจากสต็อคก๊าซแอลพีจีพอสมควร หลังจากที่ราคาแอลพีจีในตลาดโลกปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง สอดคล้องกับราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มราคาแอลพีจีปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งถือเป็นผลบวกต่อธุรกิจค่อนข้างมาก ประกอบกับบริษัทฯ ยังขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเติมอีก จึงเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลงานในไตรมาส 1/2558 พลิกกลับมามีกำไรได้ ” นางจินตณา กล่าว
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นให้จัดสรรกำไรเพื่อจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด จากงวดดำเนินงานครึ่งปีหลัง ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2557 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท และเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2557 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท จะเป็นเงินปันผลที่จ่ายในปี 2557 ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท คิดเป็นเงินรวม 321.63 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 9 มีนาคม 2558 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 11 มีนาคม 2558 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้
สำหรับผลประกอบการปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 61,758.82 ล้านบาท จากงวดปี 2556 อยู่ที่ 65,021.34 ล้านบาท ลดลง 5.02% และขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 514.30 ล้านบาท ลดลง 132.10 % จากปี 2556 มีสาเหตุหลักมาจากราคาก๊าซแอลพีจีในตลาดโลก (CP Saudi Aramco) ปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือนมกราคมของปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายได้ธุรกิจจำหน่ายก๊าซแอลพีจีของบริษัทฯในต่างประเทศนอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากการลดลงของกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในธุรกิจดังกล่าว
“ผลการดำเนินงานปี 2557 ขาดทุนอยู่ที่ 514.30 ล้านบาท จากราคาก๊าซแอลพีจีที่ปรับลดลงไปต่ำกว่าที่คาด และเชื่อว่า ราคาได้เลยจุดต่ำสุดมาแล้ว บอร์ดบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นเพิ่มเติมอีก 0.20 บาท รวมปันผลทั้งปีเป็น 0.35 บาท เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา” นางจินตณา กล่าว