บลจ.ไทยพาณิชย์ สร้างผลงานกองหุ้นต่างประเทศ เตรียมปันผลผู้ถือหน่วย

จันทร์ ๑๕ มิถุนายน ๒๐๑๕ ๑๐:๕๔
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นต่างประเทศ สำหรับผลการดำเนินระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 2557 – 31 พ.ค. 2558 จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (SCBS&P500) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นตลาดเกิดใหม่ (SCBEMEQ) ในวันที่ 24 มิ.ย.2558 ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนั้นให้ผลตอบแทนในระดับที่ดีโดยสามารถปันผลกองทุน SCBS&P500 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วย และกองทุน SCBEMEQ ในอัตรา 0.08 บาทต่อหน่วย

นายสมิทธ์กล่าวว่า กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส นับเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้นับเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 4 นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 0.80 บาทต่อหน่วย มีนโยบายที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวคือ SPDR S&P 500 ETF Trust ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ New York (NYSE ARCA) ทั้งยังลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี S&P 500 โดยมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี ขณะที่กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นตลาดเกิดใหม่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน Robeco Active Quant Emerging Markets Equities ชนิดหน่วยลงทุน "D share class” สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งลงทุนในบริษัทที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดีในระยะยาวหรือบริษัทที่มีบทบาททางด้านเศรษฐกิจหรือประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในดัชนีมาตรฐานของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (MSCI Emerging Markets Standard Index) อาทิ จีน ไต้หวัน เกาหลี บราซิล อินเดีย แอฟริกา รัสเซีย เม็กซิโก โปแลนด์ อินโดนีเซีย เป็นต้น

ทั้งนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ยังคงมีมุมมองเชิงบวกสำหรับการลงทุนทั้ง 2 ตลาดอยู่ โดยมองว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งถึงแม้ตลาดหุ้นสหรัฐจะได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ต่ำกว่าคาด เป็นผลมาจากปัจจัยระยะสั้นที่เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงความกังวลจากนักลงทุนต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะทยอยปรับตัวดีขึ้นซึ่งเอื้อให้บริษัทจดทะเบียนสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นในอนาคต

“สำหรับเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียก็ปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงตามราคาน้ำมันโลกซึ่งทำให้หลายประเทศสามารถปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจ การเปิดเสรีตลาดทุนของจีน และการคาดการว่า MSCI จะทยอยเพิ่มน้ำหนักหุ้น A-Share เข้าไปคำนวณในดัชนี นอกจากนี้มูลค่าของตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วจึงคาดว่าจะมีเงินทุนเคลื่อนย้ายมาลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง “ นายสมิทธ์กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา