ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กดดันตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง บลจ.กสิกรไทยไม่หวั่น เดินหน้าจ่ายปันผล 2 กองทุนหุ้นไทย รวมกว่า 60 ล้านบาท

จันทร์ ๐๖ กรกฎาคม ๒๐๑๕ ๑๕:๐๑
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงที่จะขยายตัวต่ำและฟื้นตัวได้ช้า และคาดว่าตลาดน่าจะมีการปรับคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีในปี 2558 ลงอีก โดยเสียงส่วนใหญ่คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ระดับ 3% ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรวมถึงบลจ.กสิกรไทยคาดการณ์ไว้อยู่ที่ระดับ 2.8% ทั้งนี้ มีปัจจัยหลายด้านที่กดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจ ได้แก่ ราคาพืชผลทางเกษตรที่อยูในระดับต่ำ ประกอบกับปัญหาภัยแล้งที่มีความรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และกำลังซื้อของกลุ่มเกษตรกร การบริโภคภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะภาคครัวเรือนที่มีความระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น สวนทางกับกำลังซื้อที่มีเพิ่มขึ้นเมื่อราคาน้ำมันคงอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่การส่งออกยังมีความเสี่ยงที่จะหดตัวต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า อาทิ จีน ยุโรป ชะลอตัวลง นอกจากนี้หากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของทางภาครัฐยังคงล่าช้าและไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ จะเป็นปัจจัยกดดันตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ดีในระยะ 1 – 2 เดือนที่ผ่านมา แนวโน้มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้น อาทิ การเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในครึ่งปีหลัง รวมแล้วเป็นมูลค่าเกือบ 3 แสนล้านบาท

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย นางสาวธิดาศิริกล่าวว่า "ตลาดหุ้นไทยมีแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มธนาคารซึ่งหนี้เสียมีแนวโน้มสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้อาจมีการตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้นและกดดันให้มีการปรับลดประมาณการณ์กำไรลง ส่วนปัจจัยที่คาดว่าจะช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นในครึ่งหลังปี 2558 ปัจจัยหลักมาจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐฯ และการผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในด้านการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มธุรกิจส่งออก นอกจากนี้ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากสภาพคล่องในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง อันเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางหลักๆของโลก อาทิ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน รวมถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะชะลอไปเป็นช่วงปลายปี 2558 ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นโดยรวม"

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ กรณีการแพร่ระบาดของโรค MERs และการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซที่จะส่งผลกระทบในเชิงจิตวิทยาการลงทุน ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนได้ในระยะสั้น แต่ผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจโดยตรงต่อประเทศไทยคาดว่าจะมีไม่มากนัก ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2558 อยู่ที่ระดับ 1,600 จุด ด้วยอัตราส่วน Forward P/E ที่ระดับ 16 เท่า จากตัวเลขประมาณการเติบโตกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ของ Bloomberg ที่ประมาณ 30%

นางสาวธิดาศิริกล่าวต่อไปว่า บลจ. กสิกรไทย เตรียมจ่ายปันผลกองทุนหุ้นไทยจำนวน 2 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค หุ้นทุน (K-EQUITY) ในอัตรา 0.19 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2557 - 30 มิถุนายน 2558 และกองทุนเปิดเค สตราทิจิค แอคทีฟ หุ้นทุนปันผล (K-STADE)** ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 - 30 มิถุนายน 2558 โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 30 มิถุนายน 2558 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 14กรกฎาคม 2558 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้นกว่า 60 ล้านบาท

"กองทุน K- EQUITY และกองทุน K-STADE ปัจจุบันให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ อาทิ หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หุ้นในกลุ่มธุรกิจส่งออก ซึ่งจะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัว หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวจากการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ หรือหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวซึ่งมีการเติบโตโดยไม่พึ่งพิงเศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ จะเริ่มทยอยลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ หากมีสัญญาณฟื้นตัวกลับมาในครึ่งปีหลัง" นางสาวธิดาศิริกล่าว

ด้วยกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นและการปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดดังกล่าว ทำให้ทั้ง 2 กองทุนยังสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจได้ โดยตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 29 มิ.ย. 2558 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ให้ผลการดำเนินงานเพียง 0.9% ขณะที่กองทุน K- EQUITY และกองทุน K-STADE มีผลการดำเนินงานที่สามารถเอาชนะตลาด โดยให้ผลตอบแทนที่ 1.35% และ 3.41% ตามลำดับ ส่วนผลการดำเนินงานระยะยาวสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้เช่นเดียวกัน โดยกองทุน K- EQUITY มีผลดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีและ 3 ปี อยู่ที่ 3.48% และ 31.41% ตามลำดับ ด้านกองทุน K-STADE มีผลดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีและ 3 ปี อยู่ที่ 6.84%และ 33.74% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 29 มิ.ย. 58)

ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน K–EQUITY และกองทุน K-STADE สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือติดต่อ KAsset Contact Center 02673 3888

กองทุน รอบผลการดำเนินงาน อัตราเงินปันผล (บาท/หน่วย)

K-EQUITY 1 กรกฎาคม 2557 - 30 มิถุนายน 2558 0.19

K-STADE** 1 มกราคม 2558 - 30 มิถุนายน 2558 0.20

*คิดจาก NAV วันที่ 29 มิ.ย.58

**ชื่อเดิมคือ กองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล (RKF-HI)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง