จับตา ‘เอเชีย’ แหล่งรวมเศรษฐีพันล้านแห่งใหม่ของโลก

อังคาร ๒๑ กรกฎาคม ๒๐๑๕ ๑๒:๓๑
PwC คาดอีก 5-10 ปีมหาเศรษฐีพันล้านในเอเชียจะแซงหน้าอเมริกาและยุโรป หลังการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกมาอยู่ฝั่งตะวันออก โดยอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภคจะเป็นแหล่งสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งของคนในภูมิภาคนี้ พร้อมมองมหาเศรษฐีเกิดใหม่ของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน หลังเจ็นวายและ Startup หน้าใหม่หันมาลงทุนสร้างความมั่งคั่งผ่านตลาดหุ้นมากขึ้น แนะปลูกฝังความรู้ทางการเงินควบคู่ไปกับการสร้างความมั่งคั่ง เพื่อให้ตลาดทุนไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

นาย ศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในอีก 5-10 ปีจำนวนมหาเศรษฐีในเอเชียจะแซงหน้าสหรัฐอเมริกา ส่วนหนึ่งเพราะการเปลี่ยนขั้วอำนาจเศรษฐกิจของโลกมาเป็น 'บูรพาภิวัฒน์' ถือเป็นหนึ่งในกระแส 'เมกะเทรนด์' ที่จะทำให้เกิดธุรกิจใหม่ๆโดยเฉพาะในฝั่งเอเชีย ขณะที่ศูนย์กลางอำนาจทางการเงินที่เริ่มย้ายฐานมาทวีปนี้ ประกอบกับจำนวนชนชั้นกลางที่มากขึ้น อำนาจในการใช้จ่ายของผู้คนในภูมิภาคก็มากขึ้นตามไปด้วย และทำให้นักธุรกิจฝั่งเอเชียเริ่มหันมาตั้งต้นธุรกิจและสร้างฐานะความมั่งคั่งด้วยตนเอง จากการทำธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภค-บริโภค และรองลงมาคือ เทคโนโลยี และไอที

ทั้งนี้ สอดคล้องกับผลสำรวจ Billionaires: Master architects of great wealth and lasting legacies ประจำปี 2558 ซึ่งจัดทำโดย UBS AG และ PwC ที่ผ่านมาซึ่งพบว่า สัดส่วนของมหาเศรษฐีที่สร้างฐานะด้วยตนเอง (Self-made billionaires) ในเอเชียได้มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเอเชียเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนของมหาเศรษฐีที่สร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเองสูงถึง 36% ของเศรษฐีพันล้านทั่วโลก นอกจากนี้ มหาเศรษฐีในภูมิภาคนี้ถึง 25% ยังเติบโตมาจากครอบครัวที่ยากจน ถือเป็นสัดส่วนที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐที่ 8% และยุโรปเพียง 6% ขณะที่อายุเฉลี่ยของเศรษฐีระดับพันล้านชาวเอเชียก็น้อยกว่ามหาเศรษฐีจากสองทวีปถึง 10 ปี โดยมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 57 ปี

"เราเห็นเทรนด์ของคนหนุ่ม-สาวที่กลายมาเป็นมหาเศรษฐีหน้าใหม่กันตั้งแต่อายุยังน้อยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย โดยเด็กสมัยนี้หันมาเริ่มต้นทำธุรกิจหรือลงทุนกันตั้งแต่จบทำงานใหม่ๆ และส่วนใหญ่ไม่ได้เติบโตมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย จึงไม่น่าแปลกใจที่อายุเฉลี่ยของมหาเศรษฐีในเอเชียจะน้อยกว่าฝั่งอเมริกาหรือยุโรปถึง 10 ปี"

อย่างไรก็ดี ประเด็นที่น่าเป็นห่วง คือ จำนวนเศรษฐีใหม่ในจีนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จากผลสำรวจดังกล่าวพบว่า ในช่วงปีไตรมาสแรกของปี 2558 นี้ มีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นในจีนแทบทุกสัปดาห์ โดยนายศิระมองว่า ส่วนหนึ่งเพราะประชากรจีนหันมาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลจีนปฏิรูปตลาดทุนในประเทศ ส่งผลให้ชาวจีนหันมาเล่นหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยเพียง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีบัญชีหุ้นเปิดใหม่ทะลุ 30 ล้านบัญชี แต่นักลงทุนซึ่งเป็นรายย่อยส่วนใหญ่กลับกลายเป็นนักเรียนมัธยมที่ยังขาดความรู้ ความเข้าใจในการลงทุนอย่างแท้จริง และกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนประสบกับภาวะฟองสบู่

สำหรับประเทศไทย นายศิระกล่าวว่า เศรษฐีหน้าใหม่มีแนวโน้มเกิดขึ้นมากเช่นกัน หลังจากที่เด็กรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเจ็นวาย (Gen Y) หันมาลงทุนสร้างความมั่งคั่ง (Wealth generation) ผ่านตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น กระแสที่ต้องการ 'รวยด้วยตัวเอง' หรือ 'รวยทางลัด' โดยไม่ต้องอาศัยทำงานในออฟฟิศ ประกอบกับความนิยมในตัวนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ มั่งคั่งตั้งแต่อายุยังน้อย ตลาดหุ้นไทยจึงกลายเป็นแหล่งที่คนรุ่นใหม่เข้ามาแสวงหาความมั่งคั่ง อย่างไรก็ตาม มองว่า สิ่งที่ต้องปลูกฝังควบคู่ไปกับการสร้างความมั่งคั่งคือ ความรู้ทางการเงิน (Financial literacy) เพื่อสร้างความมั่งคั่ง การบริหารจัดการความเสี่ยงจากการลงทุน และการเติบโตของตลาดทุนไทยที่ยั่งยืน

"นอกจากความมั่งคั่งที่สร้างจากการลงทุนในหุ้นแล้ว เทรนด์ของการตั้งธุรกิจใหม่หรือสตาร์ทอัพในบ้านเรามีให้เห็นกันมากขึ้น เด็กยุคใหม่โดยเฉพาะเจ็นวาย มีทัศนคติในการทำงานที่แตกต่างจากคนในเจ็นอื่นๆ เด็กกลุ่มนี้อยากจะมีกิจการเป็นของตนเอง อยากจะสร้างความสำเร็จด้วยมันสมองและฝีมือของตน บางรายเรียนจบแล้วก็หุ้นกับเพื่อนฝูงตั้งบริษัท บางรายก็อาจจะเริ่มทำงานเป็นพนักงานบริษัทก่อนสักสองถึงสามปี แล้วนำประสบการณ์มาดัดแปลงสร้างธุรกิจของตน ทำให้คนไทยรุ่นใหม่ๆ มั่งคั่งตั้งแต่อายุยังน้อย" นาย ศิระ กล่าว

"สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ควบคู่ไปกับการสร้าง Wealth คือการวางแผนการลงทุน และรู้จักบริหารความเสี่ยง ต้องเข้าใจประโยชน์ที่แท้จริงของการออม และมองที่ผลตอบแทนในระยะยาว" นายศิระ กล่าว

คุณลักษณะ 3 ประการของมหาเศรษฐีรุ่นใหม่

นายศิระ กล่าวต่อว่า คุณลักษณะ 3 ประการที่มหาเศรษฐีรุ่นใหม่มีคล้ายคลึงกัน และเปรียบเสมือนเป็นดีเอ็นเอของคนกลุ่มนี้ อ้างอิงจากข้อมูลของผลสำรวจที่ผ่านมา ประกอบด้วย

1. บริหารความเสี่ยงอย่างชาญฉลาด เศรษฐีรุ่นใหม่ซึ่งสร้างฐานะด้วยตนเองมักมองความเสี่ยงเป็นเรื่องของความท้าทาย และมีวิธีบริหารจัดการหรือถ่ายโอนความเสี่ยงอย่างชาญฉลาด คนเหล่านี้มีความมุ่งมั่น มองการลงทุนแบบรอบด้านทั้งในแง่บวกและลบ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ในทางลบ ก็พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาบนพื้นฐานของความเป็นจริง นอกจากนี้ยังสามารถฟื้นตัวจากความล้มเหลวได้อย่างรวดเร็ว

2. มีโฟกัสในการทำธุรกิจอย่างแรงกล้า สิ่งที่บรรดาเศรษฐีเหล่านี้มีเหมือนกันอีกประการ คือ ความสนใจใคร่รู้ มีโฟกัสในการทำงานสูง อีกทั้งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจหรือช่องทางในการทำกำไรใหม่ๆ อยู่เป็นประจำ บ่อยครั้งที่เศรษฐีเหล่านี้ยังมีความสามารถในการมองหาโอกาสรอบตัวจากสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น มีความช่างสงสัยในมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ซึ่งความช่างสงสัยนี้เองที่เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้พวกเขาสามารถมองทะลุเข้าไปถึงความต้องการของผู้บริโภคและตัดสินใจเรื่องต่างๆทางธุรกิจได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถควบคุมตัวเอง ไม่ให้ใช้อารมณ์เข้ามาประกอบการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจได้ดีเยี่ยม

3. มีความมุ่งมั่น มองวิกฤตคือโอกาส คุณสมบัติข้อสุดท้ายคือ จริยธรรมและวินัยในการทำงาน มหาเศรษฐีพวกนี้มองปัญหาและอุปสรรคไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป เศรษฐีที่ก่อร่างสร้างตัวเองมาด้วยตนเองไม่จมปลักอยู่กับความล้มเหลวหรือผลขาดทุน แต่มองความผิดพลาดเป็นบทเรียน เรียนรู้จะปรับตัว ปรับรูปแบบทางธุรกิจให้มีความยืดหยุ่น ไม่ยึดติดอยู่กับอดีต แต่มุ่งมั่นที่จะเดินไปให้ถึงเป้าหมายของการสร้างความมั่งคั่ง และไม่รีรอที่จะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสและไม่กลัวต่อการสูญเสียหรือพ่ายแพ้

"นอกเหนือจากการสร้างฐานะเพื่อความมั่งคั่งของตัวเองแล้ว มหาเศรษฐียุคใหม่ยังให้ความสำคัญกับการตอบแทนสู่สังคมมากขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย ซึ่งชี้ให้เห็นว่าตอนนี้คนรวยไม่ได้มองแค่การตักตวงผลประโยชน์ หรือหาเงินเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีจิตสาธารณะต่อสิ่งแวดล้อม หรือสังคมที่เขาทำธุรกิจอยู่ด้วย" นาย ศิระ กล่าวทิ้งท้ย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา