(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.46 น.ของวันที่ 09/02/16)
แนวโน้มวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559
ความกังวลต่อภาคธนาคารของสหรัฐที่อาจได้รับความเสียหายจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ราคาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลง 3 วันทำการติดต่อกันจนกลับมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ ความกังวลดังกล่าว สะท้อนผ่านราคาหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐซึ่งถือเป็นว่ากลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุดในปีนี้ โดยแรงขายดัชนี S&P 500 สำหรับหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐปิดตลาดต้นสัปดาห์นี้ดิ่งลง 2.6% และรูดลงมาแล้ว กว่า 20% จากจุดสูงสุดของเดือนกรกฎาคม 2015 ขณะที่ราคาหุ้นกู้ของธนาคารสหรัฐร่วงลงต่อไป โดยนักลงทุนเรียกร้องค่าพรีเมียมในอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น ในการถือครองหุ้นกู้จนค่าพรีเมียมพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ทั้งนี้ การดิ่งลงของตลาดหุ้นสหรัฐได้เพิ่มความวิตกให้กับนักลงทุนและดันราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะ 1,200.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2015 ขณะที่ความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐกระตุ้นแรงขายดอลลาร์ และทำให้ราคาทองคำทะยายขึ้น อย่างไรก็ตามนักลงทุนในตลาดทองคำจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงเกี่ยวกับนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมการบริการการเงินสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธนี้ และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย โดยรอดูสัญญาณบ่งชี้ว่า นางเยลเลนจะส่งสัญญาณเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนประจำเดือนมีนามคมออกไปหรือไม่ หรือ มีมุมมองต่อตลาดแรงงาน และทิศทางความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐอย่างไร สำหรับแนวโน้มระยะสั้นวายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำอ่อนตัวลงแต่สามารถยืนเหนือแนวรับ 1,180-1,172 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง เชื่อว่าจะเกิดแรงซื้อดันราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นไปสู่แนวต้านได้ แต่หากหลุดโซน 1,172 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือไม่สามารถยืนได้ให้ระมัดระวังการทำกำไรที่เพิ่มมากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,200-1,212 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมา นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง สำหรับการทำกำไร ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อเพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นจากการดีดตัวขึ้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,180-1,172 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับบริเวณ 1,172 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,180 (19,800บาท) 1,172 (19,650บาท) 1,164 (19,500บาท)
แนวต้าน 1,200 (20,150บาท) 1,212 (20,300บาท) 1,221 (20,500บาท)
GOLD FUTURES (GFG16)
แนวรับ 1,180 (19,900บาท) 1,172 (19,770บาท) 1,164 (19,640บาท)
แนวต้าน 1,200 (20,240บาท) 1,212 (20,440บาท) 1,221 (20,600บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888
สนใจลงทุนทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส สามารถติดตามสัมมนาทุกสัปดาห์ได้ที่ www.ylgbullion.co.th หรือ www.ylgfutures.co.th สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9999 ต่อ 4148