EA วางเป้ารายได้ปี 59 โต 30% กำลังการผลิตแตะ 404 MW พร้อมเดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มอีก 260 MW มูลค่า 2 หมื่นลบ. ดันกำลังผลิตเพิ่มเป็น 664 MW ในปี”61 หนุนรายได้-กำโร โตก้าวกระโดด!

อังคาร ๑๕ มีนาคม ๒๐๑๖ ๑๓:๔๒
EA ยักษ์ใหญ่พลังงานสีเขียวของเมืองไทย เตรียม COD โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มเร็ว ๆ นี้ พร้อมพลังงานลมกลางปี ขยับแตะ 404 เมกะวัตต์ ในปีนี้ เร่งผลักดันแผนเดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มอีก 260 เมกะวัตต์ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท โตก้าวกระโดดเป็น 664 เมกะวัตต์ในปี"61 บอร์ดไฟเขียวคืนกำไรผู้ถือหุ้น จ่ายปันผลปี"58 ในอัตรา 0.10 บาท/หุ้น รับตังค์เข้ากระเป๋า 27 พ.ค.นี้ พร้อมอนุมัติออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 3 พันล้านบาท คืนหนี้ ลดดอกเบี้ย-ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติรับทราบความคืบหน้าการก่อสร้างและอนุมัติงบประมาณและรายละเอียดการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ภายใต้ชื่อ"โครงการหาดกังหัน 1-3" โดยมีมูลค่าเงินลงทุนคิดเป็นเงินรวมเทียบเท่าเงินบาทประมาณ 10,400 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์นำเข้าประมาณ 171 ล้านเหรียญสหรัฐ และค่าใช้จ่ายในประเทศประมาณ 4,333 ล้านบาท ซึ่งได้ทะยอยลงทุนมาตั้งแต่กลางปี 58 แล้ว ใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้ยืมสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงิน จำนวน 7,280 ล้านบาท และเป็นเงินทุน จำนวน 3,120 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 10,400ล้านบาท

โครงการหาดกังหัน 1-3 อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท อีเอ วินด์ หาดกังหัน 3 จำกัด (EWHK3) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EA ดำเนินการลงทุนในโครงการหาดกังหัน 1 ขนาด 36 เมกะวัตต์ โครงการหาดกังหัน 2 ขนาด 45เมกะวัตต์ และโครงการหาดกังหัน 3 ขนาด 45 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 126 เมกะวัตต์ ในจังหวัดสงขลา และนครศรีธรรมราช โดยได้รับส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า (Adder) 3.50 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นเวลา 10 ปี โดยกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในวันที่ 14 มิ.ย.59 สำหรับโครงการหาดกังหัน1 , โครงการหาดกังหัน 2 จ่ายไฟฟ้า 29 ก.ค.59 และโครงการหาดกังหัน 3 เริ่มจ่ายไฟฟ้า 14 ก.ค. 59

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯมีมติอนุมัติงบประมาณและรายละเอียดการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานลมของบริษัทย่อยทางอ้อม ภายใต้ชื่อ"โครงการหนุมาน 1,5,8,9,10" ขนาดรวม 260 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนคิดเป็นเงินรวมเทียบเท่าเงินบาทประมาณ 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายนำเข้าอุปกรณ์ประมาณ 330 ล้านเหรียญสหรัฐ ค่าใช้จ่ายในประเทศประมาณ 8,300 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินกู้ยืมสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงินต่างๆ เป็นเงิน 15,000 ล้านบาท และอีก 5,000 ล้านบาท เป็นเงินทุนของบริษัทย่อยที่ดำเนินโครงการ

โดยบริษัทฯได้รับลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ.แล้วเมื่อ 25 กันยายน 2558 EA จะลงทุนผ่านบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัท 5 บริษัท โครงการทั้ง 5 จะได้รับส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า(Adder) 3.50 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 10 ปี นับจากวันเริ่มขายไฟฟ้า (COD) ทั้งนี้ กำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) จะทะยอยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน เมษายน 2561 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2558 ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้นโดยแบ่งเป็นเงินปันผลจำนวน 0.05 บาทต่อหุ้น จ่ายจากกำไรสุทธิของกิจการที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนและเงินปันผลจำนวน 0.05 บาทต่อหุ้น จ่ายจากกำไรสุทธิของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) 22 มี.ค. 2559 กำหนดวันจ่ายปันผล 27 พ.ค. 2559

ขณะเดียวกันยังมีมติอนุมัติและให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปี เพื่อนำเงินไปชำระคืนเงินกู้เดิมของบริษัท เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่าย และใช้ในการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทในเครือ

"ในปีนี้ บริษัทฯ จะเร่งเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช 2 โครงการ และจังหวัดสงขลา อีก 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ ให้แล้วเสร็จ ในช่วงครึ่งปีแรก ส่วนในครั้งปีหลังบริษัทฯ จะเริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่จังหวัดชัยภูมิ 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ ส่วนเป้าหมายรายได้ในปี 2559 คาดว่าจะเติบโตขึ้น 30% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ในเชิงพาณิชย์ (COD) ของ โครงการโซลาร์ฟาร์มที่จังหวัดพิษณุโลก กำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ ซึ่งติดตั้งระบบหมุนตามดวงอาทิตย์ และโครงการพลังงานลมที่ภาคใต้ กำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ ทำให้ในปี 2559 นี้บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 404 เมกะวัตต์ และในปี 2561 กำลังการผลิตโดยรวมจะเพิ่มเป็น 664เมกะวัตต์ นายอมร กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทฯมีรายได้รวม 9,212 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,611 ล้านบาท หรือ 21%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 7,601.27 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 2,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,078ล้านบาท หรือ 67% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 1,608 ล้านบาท

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๕๙ PROS จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2567 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวอนุมัติทุกวาระ
๐๙:๔๙ ซีพี - ซีพีเอฟ สนับสนุนโครงการ สานใจไทย สู่ใจใต้ รุ่นที่ 42 ส่งเสริมเยาวชนรุ่นใหม่ ตอบแทนคุณแผ่นดิน
๐๙:๑๓ นักวิชาการ TEI แนะมุมมองการสร้าง Urban Climate Resilience ต้องเร่งปรับตัวและเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
๐๙:๓๙ TEI เปิดวงเสวนา บทเรียนและทางออกการจัดการกากแคดเมียม ? พร้อมเร่งแก้ปัญหา โจทย์ใหญ่กากแคดเมียม จัดการอย่างไรให้ปลอดภัยและถูกต้อง
๐๙:๒๔ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาสในโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี ณ
๐๙:๑๑ เขตปทุมวันกำชับเจ้าของพื้นที่ตั้งวางสิ่งของ-อุปกรณ์การค้าริมกำแพงส่วนบุคคลให้เรียบร้อย
๐๙:๓๔ ม.หอการค้าไทย ปฐมนิเทศสำหรับผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านนวัตกรรมการบริการ รุ่นที่ 5 (Top Executive Program for Creative Amazing Thai Services :
๐๙:๐๒ เฮงลิสซิ่ง รับรางวัล หน่วยงานส่งเสริมสุขภาพการเงินพนักงาน ระดับดีเด่น โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
๐๙:๔๕ มูลนิธิเฮอริเทจ (ประเทศไทย) ส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดสมุทรสาคร
๐๙:๔๔ พาราไดซ์ พาร์ค ต้อนรับ The Little Gym เปิดสาขาที่ 3