(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.13 น.ของวันที่ 27/05/16)
แนวโน้มวันที่ 30 พฤษภาคม 2559
ความเห็นของเจ้าหน้าที่ และ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายสาขาทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14-15 มิถุนายนมีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย ประเด็นดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน เพิ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 เดือน โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นมาแล้ว 2.3% จากช่วงต้นเดือนนี้ ประเด็นดังกล่าว กดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลงจนสร้างต่ำสุดในรอบ 9 สัปดาห์ ซึ่งราคาทองคำให้อ่อนตัวลงกว่า 5 % จากช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และอาจส่งผลให้ราคาทองคำปิดตลาดเดือนพฤษภาคมด้วยการดิ่งลงรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2015 ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่ง โดยดัชนียอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้นเกินคาด สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปีในเดือนเมษายน ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเกินคาด 3.4% เพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนก่อนหน้า และ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ ลดลงเกินคาดสู่ 268,000 ราย ซึ่งอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 64 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1973 ข้อมูลดังกล่าวยังคงกดดันทิศทางราคาทองคำ ประกอบกับ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติและสำมะโนประชากรของฮ่องกง ระบุว่า การนำเข้าทองคำสุทธิของจีนจากฮ่องกงลดลงในเดือนเมษายนจากระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนในเดือนมีนาคมสู่ระดับ 68.8 ตันในเดือนเมษายนจาก 71.8 ตันในเดือนมีนาคมและการนำเข้าทั้งหมดลดลงสู่ระดับ 73.7 ตัน จาก 76.2 ตันในเดือนมีนาคม ประเด็นดังกล่าวเพิ่มแรงกดดันต่อทิศทางราคาทองคำ ระยะสั้นเห็นได้จากมีแรงขายทองคำออกมาเมื่อราคาขยับขึ้น โดยประเมินว่าหากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้าน แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้ราคาเกิดการอ่อนตัวลง ซึ่งการแกว่งตัวของราคาทองคำยังถือเป็นโอกาสให้นักลงทุนระยะสั้นเก็งกำไร
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำให้ลงทุนระยะสั้นโดยรอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,211 หรือ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น โดยราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวในระยะสั้นเพื่อสะสมกำลัง โดยมีการทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้ในระยะสั้นนี้ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทางเทคนิคและนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,230-1,238 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญ
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,211 (20,420บาท) 1,200 (20,230บาท) 1,192 (20,100บาท)
แนวต้าน 1,230 (20,740บาท) 1,238 (20,880บาท) 1,244 (20,980บาท)
GOLD FUTURES (GFM16)
แนวรับ 1,211 (20,560บาท) 1,200 (20,370บาท) 1,192 (20,230บาท)
แนวต้าน 1,230 (20,880บาท) 1,238 (21,010บาท) 1,244 (21,120บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999