นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นยังถูกกดดันต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเด็นเรื่อง Brexit หรือการลงประชามติของสหราชอาณาจักรว่าจะออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ ทำให้ตลาดหุ้นจะผันผวน โดยนักลงทุนอาจปรับลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลง ไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น จากผลการสำรวจความคิดเห็นในอังกฤษล่าสุดหลายสำนักปรากฏว่า สัดส่วนของผู้ที่จะออกเสียงให้อังกฤษอยู่ในสหภาพยุโรปสูงกว่าสัดส่วนที่จะออกเสียงให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปและอีกหลายตลาดในเอเชียปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงผันผวน ด้านการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ยังคงมีทั้งสองมุมมอง เนื่องจาก ประชาชนอังกฤษมีความเห็นเป็นสองฝั่งก้ำกึ่งกันของคนอังกฤษโดยประเด็นใหญ่อยู่ที่นโยบายการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของประชากรโดยเฉพาะแรงงานภายในสหภาพยุโรปโดยเสรี ซึ่งมีผลให้มีผู้อพยพทั้งชาวยุโรป และชาวตะวันออกกลางที่มีถิ่นฐานในยุโรปอพยพเข้ามาอยู่ในอังกฤษเป็นจำนวนมาก คนอังกฤษส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยจึงต้องการออกเสียงให้ออกจากสหภาพยุโรป แต่คนอังกฤษอีกส่วนเห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวเพราะทำให้มีแรงงานราคาถูกเข้ามาทำงานมากขึ้นโดยเฉพาะงานใช้แรงงานที่คนอังกฤษส่วนใหญ่ไม่ต้องการทำอีกต่อไป จึงจะออกเสียงสนับสนุนให้อยู่ในสหภาพยุโรปไป นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่องความมีเสรีภาพในการกำหนดนโยบายด้านต่างๆ ที่มีความเห็นต่างๆกันไป
ด้านญี่ปุ่น ต้นสัปดาห์นี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะเปิดเผยรายงานการประชุมล่าสุด ซึ่งอาจมีเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และปัจจัยที่สำคัญที่ต้องติดตาม คือ ในวันอังคารที่ 21 มิถุนายน นางเจเนต เยเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีกำหนดการจะต้องไปรายงานที่รัฐสภากับกรรมาธิการด้านการธนาคาร เรื่อง เศรษฐกิจครึ่งปี ซึ่งถูกจับตามองว่าอาจจะมีข้อบ่งชี้ถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างหนึ่งอย่างใด
ด้านกรอบ SET Index ในสัปดาห์นี้ ทางด้าน Technical คาดว่า น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,409-1,435 จุด สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เรามีมุมมองเป็นบวกในระยะกลางและระยะยาวว่าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังจนถึงปีหน้า โดยยังคงแนะนำการลงทุนในหุ้น แต่เลือกเน้นหุ้นที่มีพื้นฐานดีขณะเดียวกันต้องปลอดภัยในภาวะตลาดผันผวนมากๆในช่วงนับจากนี้
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ แนะนำหุ้น GLOW ของ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้น Defensive ที่เหมาะกับสภาวะหุ้นที่ผันผวนในปัจจุบัน เนื่องจาก ราคาหุ้นมีความผันผวนน้อยกว่าตลาด โดย GLOW มีค่า Beta ต่ำที่ 0.77 เท่า และมีในปีที่ผ่านมาสามารถจ่ายเงินปันผลได้ 5.75 บาท ต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลจ่าย (Dividend Yield) ที่ 7% ซึ่งในปีนี้ ก็คาดว่า จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับเดิม เนื่องจาก GLOWยังไม่มีโครงการลงทุนใหม่ๆ ทำให้มีกระแสเงินสดแน่นอนในระดับสูง จึงสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูง ส่วนหากประเมินDividend Yield ตาม Bloomberg Consensus ก็ยังอยู่ในระดับสูงเช่นกันที่ 5.90% ด้านอัตราส่วนของราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E ratio) อยู่ทื่ 14.3 เท่า ซึ่งไม่สูงมากนัก
ทางด้าน Technical ราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก แต่เริ่มเกิดสัญญาณซื้อในรายวัน แต่ยังถูกกดดันด้วยสัญญาณขายในรายสัปดาห์และรายเดือนอยู่ ราคาเป้าหมาย Bloomberg อยู่ที่ 89.89 บาท