(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.22 น.ของวันที่ 20/01/2560)
แนวโน้มวันที่ 21 มกราคม 2560
ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดเม็ดเงินสุทธิ 9.5 หมื่นล้านหยวน (1.383 หมื่นล้านดอลลาร์) เข้าสู่ตลาดเงินโดยผ่านทางปฏิบัติการซื้อขายพันธบัตรในตลาดเปิด และส่งผลให้ยอดการอัดฉีดสุทธิตลอดทั้งสัปดาห์นี้อยู่ที่ 1.13 ล้านล้านหยวน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด ซึ่งส่งผลบวกต่อราคาทองคำ ขณะที่ทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่มจากธนาคารกลางของจีนอนุญาตให้ธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 5 แห่งของจีนปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงชั่วคราว 1% สู่ 16% เพื่อจะได้บรรเทาภาวะขาดแคลนสภาพคล่องในขณะที่ความต้องการใช้เงินสดพุ่งสูงในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ธนาคารกลางจีนปรับลด RRR เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 โดยธนาคารกลางจีนปรับลด RRR สำหรับธนาคารทุกแห่งลงสู่ 17% ทั้งนี้ แรงซื้อทองคำไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นมากนัก เพราะนักลงทุนจะต้องเผชิญกับปัญหาความไม่แน่นอนในด้านนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลใหม่หลังจากที่ทรัมป์เข้ามาดำรงตำแหน่งแล้ว ประกอบกับ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงินที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในวันศุกร์นี้ โดยย้ำถึงมุมมองมองที่ว่า เป็นความเสี่ยงหากเฟดตรึงอัตราดอกเบียในระดับต่ำนานเกินไปพร้อมกับกล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้รวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ ในระยะสั้นราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เพราะประเด็นข่าวเหล่านี้มักจะชี้นำราคาทองคำค่อนข้างมาก เบื้องต้นวายแอลจียังคงให้จับตาราคาทองคำบริเวณ 1,218-1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายังไม่สามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือโซนนี้ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะค่อยๆอ่อนตัวลงมา โดยประเมินแนวรับไว้ในบริเวณ 1,198-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากแนวรับนี้ไม่สามารถรับได้ นักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวของราคาทองคำ
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำเคลื่อนไหวในลักษณะของการสร้างฐานราคาให้มั่นคง โดยให้เน้นไปที่การเข้าลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้สามารถเข้าซื้อบริเวณแนวรับที่ 1,198-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,218 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่หากราคายืนเหนือแนวต้านได้มั่นคงสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามคาดการณ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,198 (20,000บาท) 1,187 (19,850บาท) 1,180 (19,700บาท)
แนวต้าน 1,218 (20,400บาท) 1,233 (20,600บาท) 1,240 (20,700บาท)
GOLD FUTURES (GFG17)
แนวรับ 1,198 (20,150บาท) 1,187 (20,000บาท) 1,180 (19,850บาท)
แนวต้าน 1,218 (20,500บาท) 1,233 (20,750บาท) 1,240 (20,900บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999