นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2559 ว่ากำไรจากผลการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้น 5.2% หรือมีกำไรสุทธิ 429.6 ล้านบาท จากปัจจัยบวกด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับตลาดรถจักรยานยนต์ในปีที่ผ่านมามีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 4% ที่ 1,738,254 ล้านคัน ส่งผลให้จำนวนมีผู้ใช้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยจำนวนลูกหนี้เช่าซื้อสุทธิและลูกหนี้ให้กู้ยืมสุทธิของบริษัทฯ จนถึงปลายปี 2559 อยู่ที่ 7,723.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.5% ในขณะที่ลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ขยายตัว 11.6% หรือ 2.9 เท่าของตลาดรถจักรยานยนต์
นอกจากการเติบโตจากตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ภายในประเทศแล้ว ในปี 2559 ที่ผ่านมา TK ยังได้ขยายธุรกิจเช่าชื้อรถจักรยานยนต์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ตามแผนธุรกิจของบริษัทฯ ในการเพิ่มสัดส่วนรายได้และลูกหนี้เช่าซื้อภูมิภาคเพิ่มขึ้น โดยในปี 2559 TK ได้เปิดสาขาเพิ่มอีก 2 แห่งในกัมพูชา เมื่อรวมผลประกอบการของบริษัทในราชอาณาจักรกัมพูชาและในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีอัตราการเติบโต 346.9% ทั้งนี้ ทั้งสองบริษัทเริ่มมีกำไรจากการดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาส 2 ในปีที่ผ่านมา
"ปัจจัยสำคัญของผลประกอบการที่เติบโตขึ้นอีกประการหนึ่งคือ คุณภาพลูกหนี้เช่าซื้อที่ดีขึ้น และขยายตัวต่อเนื่องมา 5 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2558 จนถึงปลายปี 2559 นอกจากนั้น ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลงอันเนื่องมาจากประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน ส่วนค่าใช้จ่ายรวมลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมาลดลง 4.2% จาก 2,961.8 ล้านบาทในปี 2558 มาเป็น 2,836.3 ล้านบาทในปี 2559" นางสาวปฐมา กล่าวเสริม
ในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมา TK ได้ออกหุ้นกู้อย่างต่อเนื่องถึง 4 ครั้ง มีมูลค่าหุ้นกู้รวม 2,000 ล้านบาท ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 2.33% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยส่วนต่าง (Interest Spread) อยู่ที่ 30.9% โดยมีสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวอัตราดอกเบี้ยคงที่ต่อเงินกู้ระยะสั้นอยู่ที่ 91:9 ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับต่ำที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ในระยะยาว
นางสาวปฐมา กล่าวว่าทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2560 นี้ ยังคงสดใสต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวในไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 และฟื้นตัวต่อเนื่องตลอดปีที่แล้ว ด้านสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติล่าสุดได้รายงานตัวเลขอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจตลอดปีที่แล้วอยู่ที่ 3.2% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเจริญเติบโตของปี 2558 ที่เติบโต 2.9% ในขณะที่ปี 2560 สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้กำหนดอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4% โดยคาดว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 3.5% ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนภาครัฐ ยังอยู่เกณฑ์สูง ทั้งจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง 20 โครงการ ซึ่งขณะนี้เริ่มก่อสร้างแล้ว 4 โครงการ วงเงิน 4.55 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างการประกวดราคา 11 โครงการ วงเงิน 5.33 แสนล้านบาท ซึ่งน่าจะเริ่มก่อสร้างและเบิกจ่ายในปีนี้ รวมกับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งปี 2560 อีก 36 โครงการ วงเงิน 8.96 แสนล้านบาท ซึ่งน่าจะมีการก่อสร้างได้ในช่วงครึ่งแรกปี 2560 จำนวน 5 โครงการ วงเงิน 5.48 หมื่นล้านบาท
"ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เรามั่นใจว่าในปี 2560 TK จะสามารถเติบโตต่อเนื่องตามแผนการดำเนินธุรกิจในการรุกขยายฐานธุรกิจในต่างประเทศให้มากขึ้น ควบคู่กับการสร้างการเติบโตของตลาดภายในประเทศ โดยตั้งเป้าจะขยายสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อที่มาจากในประเทศและจากต่างประเทศอยู่ที่สัดส่วน 50:50 ในอีก 3 ปีข้างหน้า รวมทั้งจะยังคงดำเนินมาตรการเข้มงวดในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อเพื่อคัดลูกค้าที่ดีมีคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันการเร่งตัดหนี้สูญตามมาตรฐานที่สูงของ TK ติดต่อกันมาหลายปี ทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเติบโตแบบก้าวกระโดด ในอัตราเติบโตที่สูงกว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ" นางสาวปฐมา กล่าว
สำหรับรายได้รวมในปี 2559 TK มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,371.3 ล้านบาท ลดลง 0.7% จาก 3,394.1 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ส่วนลูกหนี้เช่าซื้อสุทธิรวม ณ สิ้นปี 2559 มียอดรวม 7,619.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% จาก 7,076.8 ล้านบาทในปี 2558 นอกจากนี้ ส่วนสินทรัพย์รวมในปี 2559 เพิ่มขึ้น 4% จาก 8,283.7 ล้านบาทในปี 2558 มาเป็น 8,611.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน และหนี้สินรวมในปี 2559 เพิ่มขึ้น 2.5% จาก 3,962.4 ล้านบาทเมื่อปี 2558 มาเป็น 4,061.5 ล้านบาท