นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ยังคงไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,590 จุด และไม่หลุดแนวรับสำคัญ 1,550 จุด ทิศทางตลาดค่อนข้างผันผวน ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง อย่างไรก็ตาม ภาวะดังกล่าวเป็นลักษณะของการรอ Break out ของดัชนีฯ เนื่องจากในเดือน ส.ค.2560 มีประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือ การประกาศผลประกอบการ Q2/60 ของกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะชะลอตัวตาม Consensus ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศต้องติดตามสัญญาณการเริ่มลดงบดุลของเฟด ซึ่งคาดจะเริ่มในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งส่งผลให้ Fund Flow อาจจะยังชะลอตัวเพื่อลดดูผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน
นอกจากนี้ ในเดือน ส.ค. ยังมีปัจจัยการเมืองการตัดสินคดีทางการเมืองสำคัญ 3 คดีที่รอการพิจารณาจากศาลฏีกา คือ 1) วันที่ 2 ส.ค.คดีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชน เมื่อ 7 ส.ค.51 ฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 2) วันที่ 25 ส.ค.คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ฟ้องนายบุญทรง แตริยาภิรมย์ และ 3) วันที่ 25 ส.ค.ฟ้องคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีละเลยไม่ดำเนินการยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอคำตัดสินจากคดี
"หากดูจากสถิติการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในช่วงพิจารณาคดีคุณทักษิณ ปี 53 ผลกระทบต่อดัชนี SET ช่วง 2 สัปดาห์ก่อนคำตัดสินศาลดัชนี SET +3.2% และช่วง 2 สัปดาห์หลังคำตัดสินศาลดัชนี SET +1.60% ดังนั้นประเมินหากหลังคำตัดสินศาลในคดีรับจำนำข้าววันที่ 25 ส.ค.นี้เสร็จสิ้นโดยไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวาย โอกาสที่ดัชนี SET จะปรับเพิ่มขึ้นมีค่อนข้างสูง"นายอภิชัย กล่าวในที่สุด
กลยุทธ์การลงทุนในเดือนสิงหาคม เน้นเป็นลักษณะ Trend Follow คือ หากไม่ต่ำกว่าแนวรับ 1,550 จุดก็ไม่มีสัญญาณลบ แต่หากสามารถผ่านแนวต้าน 1,600 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขาย 5-6 หมื่นล้านบาท จะเป็นสัญญาณปรับขึ้นรอบใหม่ แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว ในกลุ่มรับเหมา CK, STEC, UNIQ / กลุ่มปิโตรเคมี IRPC, IVL, PTTGC / กลุ่มนิคม ฯ AMATA, TFD, WHA