นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASIMAR เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังว่า มีแนวโน้มดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะในไตรมาส 3/60 ผลประกอบการจะเติบโตพีคสุดเนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากงาน Backlog ที่ค้างส่งมอบ จะรับรู้รายได้ทั้งหมดในครึ่งปีหลังนี้ รวมทั้งงานต่อเรือของภาครัฐบาลคาดว่าจะเปิดประมูลในช่วงปลายปี อาจจะเป็นเรือขนาดไม่ใหญ่มากนัก โดยบริษัทเตรียมเข้าประมูลงานต่อเรือ คิดเป็นมูลค่าโครงการทั้งหมดเกือบ 500 ล้านบาท แม้ว่าการแข่งขันจะมีมากขึ้น แต่บริษัทมีความพร้อมทั้งความเชี่ยวชาญในการต่อเรือรวมทั้งสามารถรองรับงานต่อเรือครอบคลุมพื้นที่ในภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ ในส่วนของการวิจัยและพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักเพื่อต่อยอดในการสร้างรายได้นั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากโดยมีการคิดค้นพัฒนาน้ำยาขจัดคราบน้ำมันสูตรชีวภาพ ซึ่งพัฒนาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ คาดว่าสามารถทำการตลาดได้ในอนาคต
นอกจากนี้ในปี 2560 บริษัทให้ความสำคัญกับงานโครงสร้างเหล็ก โดยเฉพาะการเข้าไปรับช่วงงานโครงสร้างเหล็กของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ซึ่งจะเริ่มทราบผลในไตรมาส 3/60 นี้เช่นกัน เพื่อเป็นการขยายฐานรายได้จากธุรกิจหลักที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก และธุรกิจมีการแข่งขันสูง ขณะเดียวกันจะได้ใช้ประโยชน์จากบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญงานโครงสร้างเหล็กได้อย่างเต็มที่ ที่ผ่านมา ASIMAR เคยมีผลงานจากงานโครงสร้างเหล็กที่สนามบินสุวรรณภูมิเฟสแรก และมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลงานจากผู้รับเหมาช่วง เพื่อทำงานโครงสร้างเหล็กที่สนามบินสุวรรณภูมิในเฟสที่ 2 ที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการในเร็ววันนี้ด้วย
ขณะเดียวกันบริษัทมองโอกาสรับงานต่อเรือเฟอร์รี่ของภาคเอกชน มูลค่าราว 200 ล้านบาท คาดรู้ผลในช่วงไตรมาส 3/60 หากได้งานคาดว่าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 20-30 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้เป็นรายได้ในปีหน้า
"ผลประกอบการของ ASIMAR ในช่วงครึ่งปีหลังทั้งรายได้และกำไรดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการรับงานใหม่ๆ และมีข่าวดีเข้ามาเยอะ รวมทั้งในช่วง Q3/60 ผลประกอบการจะพีคสุด เป็นช่วงมีการรับรู้รายได้จากงานที่ค้างส่งมอบ (Backlog) ก่อนหน้านี้ มารับรู้รายได้ทั้งหมดในไตรมาส 3-4 นี้ และการรับช่วงงานโครงสร้างเหล็กของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ที่จะเริ่มทราบผลในไตรมาส 3/60 นี้เช่นกัน ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างอย่างแข็งแกร่งและรายได้ของบริษัทเติบโตได้ 15-20% ตามเป้าหมายที่วางไว้" นายสุรเดช กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ในงวดไตรมาส 2/2560 มีกำไรสุทธิ 33.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.77 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.57 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 210.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.79 ล้านบาท คิดเป็น 66.27% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 126.44 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 25.16 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 12.24 ล้านบาท มีรายได้รวม 351.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.45 ล้านบาท คิดเป็น 47.06 % เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 238.93 ล้านบาท ผลประกอบการที่ เพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีปริมาณงานโครงการมากกว่า ปีก่อน มีการทยอยรับรู้รายได้จากงานโครงการต่อเรือ ที่มีผลสำเร็จของงานเพิ่มขึ้น โดยมีกำหนดส่งมอบงานในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ และสามารถควบคุมต้นทุนทั้งงานต่อเรือ และซ่อมเรือได้ดีกว่างบประมาณที่กำหนดไว้ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากงานซ่อมเรือ 109.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 28.20 ล้านบาท หรือ 34.52% เนื่องจากมีงานซ่อมเรือที่มีมูลค่าซ่อมต่อลำสูง จำนวนหลายลำ และมีลูกค้า Offshore เริ่มกลับมาซ่อมทำหลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาน้ำมันลดลง ส่วนการแข่งขันที่สูงขึ้นระหว่างอู่เรือ ทั้งด้านราคาและการให้เงื่อนไขการชำระเงิน ยังคงมีอยู่ตามสภาพเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวอยู่ในปัจจุบัน